“สันธนะ” ตัดพ้อน้อยใจ “พิธา” จะได้เป็นนายกฯ คงไม่ได้อยู่ในสายตากันแล้ว ขอดูกล้องวงจรปิดหน้าพรรคก้าวไกล ใครขว้างแก้วกาแฟใส่ เตรียมดำเนินคดี “ชูวิทย์” ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง
วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ สมาชิกพรรคก้าวไกล เดินทางมาที่หน้าทำการพรรคก้าวไกล เพื่อขอดูภาพกล้องวงจรปิดในวันที่มีเรื่องกับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยบอกว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือแจ้งมา หลังจากสอบถามไปว่า นายชูวิทย์ ประกาศว่าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ตอนนี้ กกต. ทำหนังสือแจ้งมาแล้วว่า นายชูวิทย์ ไม่ได้มีรายชื่อเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล และอีกประเด็นที่สอบถามไป ที่เห็น นายชูวิทย์ ไปช่วยหาเสียงกับผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่ง กกต. ก็แจ้งแล้วว่า การตรวจสอบผู้ช่วยหาเสียงที่ทางพรรคก้าวไกลส่งมายัง กกต. ไม่พบรายชื่อ นายชูวิทย์ เป็นรายชื่อผู้ช่วยหาเสียง
นายสันธนะ ระบุต่อไปว่า ตอนนี้ กกต. ยังไม่มีการรับรองผลเป็นทางการ ซึ่ง นายชูวิทย์ ที่ขึ้นไปหาเสียงกับหัวหน้าพรรคก้าวไกล และขึ้นไปบนรถปราศรัยโจมตีพรรคอื่น ไม่ใช่แค่วันที่มีเหตุกัน แต่ นายชูวิทย์ ไปช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคก้าวไกลอีกหลายเขต ถ้าผู้สมัครพรรคอื่นไปร้องสอบผู้สมัครพรรคก้าวไกล เรื่องนี้ก็คงไม่จบง่ายๆ ตนไม่ขอใช้คำพูดตอบโต้ แต่ใช้กฎหมายดีกว่า
“การที่ นายชูวิทย์ ด่าว่าผม ละเมิดผม ก็จะไปดำเนินคดี การด่าคำหยาบแม้ผิดเล็กน้อยก็จะไปแจ้งความ ทำให้เห็นว่า นายชูวิทย์ ไม่สามารถไปด่าละเมิดใครได้ ส่วนที่ นายชูวิทย์ ว่ามีเรื่องกับผม ก็ทำหนังสือแจ้งพรรคแล้ว จะรอผลการประชุมพรรคว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนตอนนี้ผมไม่คุยแล้วกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ใช่หน้าที่ผมแล้ว การเลือกตั้งมันจบสิ้นแล้ว”
...
ขณะที่วันนี้มาดูกล้องวงจรปิด ว่าแก้วกาแฟที่ลอยมาใส่รถวันนั้นลอยมาจากไหน และมาดูกล้องวงจรปิด กทม. ว่าใครที่ทำร้ายตนบ้าง วันนั้นบอกว่าชาวบ้านขว้าง ก็อยากรู้ว่าชาวบ้านคนไหนที่มีความไม่พอใจกับตน จนต้องทำแบบนั้น “ไอ้ลวงโลกก็พูดของมันทุกวัน มันไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่ยังมาพูด สื่อก็ให้พื้นที่มันเยอะ มันลวงโลก ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค”
จากนั้นผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี ถามเรื่องความสัมพันธ์กับ นายพิธา ว่า จะถึงขั้นไม่เอ็นดู ตัดขาดกันเลยหรือไม่ นายสันธนะ พูดเสียงแผ่วว่า “เขาจะเป็นนายกฯ แล้ว ผมเป็นประชาชนตัวเล็ก คงไม่ได้อยู่ในสายตาแล้ววันนี้ เราช่วยเต็มที่ ทำทุกอย่าง แต่เขามองไม่เห็นไม่เป็นไร คงมีใครพูดใส่หูเขาซ้ายขวา ผมยังหนักแน่นเหมือนเดิม” หลังจากนั้น นายสันธนะ เดินทางไปที่ สน.หัวหมาก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชูวิทย์.