"พิธา" ยังตอบไม่ชัด นักวิชาการเสนอ พรรคที่ 3 ให้ "วันมูหะหมัดนอร์ มะทา" นั่งประธานสภา หรือแบ่งเก้าอี้ คนละ 2 ปี โยน ให้ทีมเจรจาร่วมหาทางออก เชื่อใจ พรรคเพื่อไทย ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล มองไปไม่ถึงจุดที่ต้องโหวต


วันที่ 26 พ.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภา ที่นักวิชาการเสนอให้ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา หรือให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทย แบ่งกันคนละ 2 ปี ว่า ทั้ง 8 พรรค ที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องร่วมมือ ปรับจูนกัน ต้องมีการพูดคุยกัน ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันนี้ ซึ่งทั้งตนและประชาชนก็ได้ยินแล้วว่า แต่ละพรรคมีความต้องการ มีเหตุผลอย่างไร มีความตั้งใจอย่างไร คิดว่าทางที่ดีที่สุด คือ น่าจะกลับไปพูดคุยกันผ่านทีมเจรจาที่เคยตั้งไว้ และเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน พยายามเดินหน้าเรื่องนโยบายในช่วงเวลา 1-2 เดือนที่จะต้องทำนโยบายร่วมกัน และแถลงต่อรัฐสภา จึงคิดว่า ตอนนี้น่าจะเหมาะสมที่จะกลับไปพูดคุยกัน ส่วนจะเป็นเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับทีมเจรจา แต่คิดว่า คงมีการพูดคุยกันอยู่ได้เรื่อยๆ เชื่อว่าจะคุยกันอย่างรอบคอบ เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและหาทางออกร่วมกันได้ เพราะยังมีงานที่ท้าทาย ที่ประชาชนไว้วางใจเราอยู่แล้ว เรื่องที่พูดคุยนี้อาจจะเป็นเพียงจุดหนึ่งเท่านั้น ต้องพยายามทำงานให้ประชาชนมีความหวัง ต้องจับมือกันให้แน่น ขอให้ทีมเจรจาได้มีโอกาสทำงานไปก่อน

นายพิธายังย้ำว่า ยังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย เชื่อใจทุกท่าน เวลาทำงานร่วมกันต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และเชื่อว่ารอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย สามารถสมานกันได้แน่นอน ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ที่อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน และมีการพูดคุยกัน แต่ถ้าสามารถเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และสามารถพูดคุยกันอย่างมีเหตุมีผล คิดว่าทุกอย่างมีทางออก

...

ส่วนที่จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยถอนตัว จากการรัฐบาลในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคมนี้นั้น นายพิธา ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ ในการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตย แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันแล้วและตอนนี้ มีคนฝากความหวังไว้เยอะก็ขอให้เป็นหนึ่งในกระบวนการ ซึ่งกระบวนการสำคัญคือการพูดคุย ปรับจูนกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้เหมือนที่ประชาชนไว้วางใจมีงานใหญ่รออยู่อีกเยอะ

ส่วนมีทางออกเรื่องตำแหน่งประธานสภาไว้ในใจหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีทางออก คงไม่ใช่แค่ตนคนเดียว แต่ต้องให้เกียรติพรรคร่วมอีก 7 พรรคด้วย นี่เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งที่ 30 ก็คงมีเรื่องอย่างนี้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่า จะพูดคุยแสดงเหตุผลกันอย่างไร จะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เสียกำลังใจ ไม่เสียความหวัง ไม่เสียสมาธิกับเรื่องใหญ่ของประเทศ

ส่วนเตรียมยื่นข้อเสนอให้กับพรรคร่วมเร็วๆ นี้หรือไม่ นายพิธา ระบุว่า มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน แต่ทุกฝ่ายก็มีโอกาสที่จะเอาข้อเสนอมาวางบนโต๊ะเจรจาและใช้เหตุผลพูดคุยกัน ก็น่าจะหาทางออกได้

ส่วนจะต้องใช้วิธีการโหวตหรือหรือไม่ นายพิธามองว่า ตอนนี้คงไม่ต้องถึงจุดนั้น

ส่วนกรณี กกต. รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วการเดินหน้าของรัฐบาลใหม่นั้นจะเป็นอย่างไรต่อนั้น นายพิธา ระบุว่า ก็เหมือนเดิม คณะเจรจาต้องทำงานให้หนักขึ้น ในส่วนของตนพยายามเดินหน้าทำให้การถ่ายโอนอำนาจไร้รอยต่อมากที่สุด สัปดาห์นี้เน้นไปที่ภาคเศรษฐกิจ โดยช่วงเช้าวันนี้ ก็ไปสภาอุตสาหกรรมใหม่ เกี่ยวกับนวัตกรรม ช่วงบ่ายก็มาพบกับกลุ่มสุราไทยและคราฟต์เบียร์ ส่วนช่วงเย็นก็จะไปสภาแรงงาน เพื่อให้ทำงานไร้รอยต่อเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลต่อก็จะได้ทำงานได้ทันที