ประธานสหภาพแรงงานเอนไกไทย ไม่ติดใจนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาท ลูกจ้างดีใจ แต่ขอประเมินรายจ่ายนายจ้าง หวั่นย้ายฐานไปประเทศค่าแรงถูก มอง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ที่ก้าวไกลเสนอ เอกชนอาจไม่เอาด้วย
วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายแสงชัย อนมนวล ประธานสหภาพแรงงานเอนไกไทย กล่าวถึงสถานการณ์เรื่องของรายได้แรงงานไทยตอนนี้ ว่า การหมุนเวียนเงิน กำลังซื้อเริ่มเริ่มกลับมา แม้จะไม่เต็มร้อยเหมือนก่อนช่วงโควิด-19 แต่ก็ไม่ได้แย่มาก ส่วนนโยบายการขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาท ที่พรรคก้าวไกลจะผลักดัน นายแสงชัย ออกตัวว่าเป็นกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด และมีการพูดคุยกันว่า ไม่ว่าค่าแรงจะปรับขึ้นเท่าไร แต่สิ่งสำคัญคือมีเงินเหลือติดกระเป๋าเท่าไร พร้อมมองว่านโยบายก็คือนโยบาย ต้องดูว่านายจ้างจะอยู่ได้หรือไม่ หรือลูกจ้างจะแฮปปี้มากแค่ไหน
นายแสงชัย ยังมองด้วยว่า การเป็นลูกจ้าง หรือแรงงานไทย ไม่ได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน และมีบริบทที่แตกต่างกันหลายอย่าง แต่ขึ้นค่าแรงก็ดี ไม่ขึ้นค่าแรงก็ดี ไม่ได้มีปัญหา ส่วนการพูดคุยกับแรงงาน ก็พบว่าดีใจที่จะได้ขึ้นค่าแรง แต่ก็ต้องดูกำลังการจ่ายของนายจ้างด้วย มีหลายแห่งที่ต้องปิดกิจการ ย้ายฐานไปประเทศที่ค่าแรงงานถูกกว่านี้ ส่วนผู้ประกอบการหรือฝั่งนายจ้าง ได้พูดคุยว่าหากภาครัฐมีนโยบายแบบนี้ ฝั่งผู้ประกอบการจะมีนโยบายอย่างไรต่อไป
ในส่วนของ 7 นโยบายด้านแรงงานที่จะอยู่ใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ของพรรคก้าวไกล ซึ่งทางพรรคก้าวไกลให้สัญญาไว้ตอนหาเสียงว่าจะยื่นทันทีเมื่อเปิดสมัยประชุมสภานั้น นายแสงชัย ระบุว่า ตนไม่อยากออกความเห็น แต่อยากยกตัวอย่างให้เห็น อย่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 2518 แม้จะให้สิทธิแรงงานเต็มที่ แต่แรงงานก็ยังถูกเอาเปรียบ จึงมองว่าหากไปถึงเรื่องคุ้มครองอาจไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง โดยเฉพาะในภาคเอกชน
...
สำหรับกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล จะลงพื้นที่พูดคุยกับเครือข่ายผู้ใช้แรงงานที่ตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ นายแสงชัย เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะสามารถสื่อสารได้โดยตรง และสามารถสานต่อไปเป็นนโยบายได้ แต่อีกมุมก็มองว่าเป็นกิจกรรมของพรรคการเมือง อาจจะถูกมองเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคการเมืองใดหรือไม่.