หลังคลอด MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล "รศ.ดร.ธนพร" กับ "รศ.ดร.ยุทธพร" ชี้ "พิธา" ยังต้องฝ่าด่านอะไรอีกบ้าง ตอนนี้เปอร์เซ็นต์คือ 50 : 50

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยประเด็น กระแสก้าวไกลส่ง "พิธา" นั่งนายกฯ คนที่ 30 หลังคลอด MOU ร่วมกับ 7 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เรือของ พิธา ก้าวไกล ยังต้องฝ่าด่านอะไรอีกบ้าง?

รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยว่า MOU ที่ทำออกมาของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล คือมีการประนีประนอมกันในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็คือเรื่องมาตรา 112 ไม่มี แต่ยังอยู่ในวิสัยที่แต่ละพรรคสามารถไปผลักดันได้ เพราะปรากฏอยู่ในข้อที่ 5 คือ แต่ละพรรคมีอิสระในการที่จะไปผลักดันนโยบายของตัวเอง ฉะนั้น เรื่อง 112 สรุปง่ายๆ คือจะไม่ผลักดันในฐานะรัฐบาล แต่ก็เป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่จะไปผลักดันในสภาผู้แทนราษฎร

...

ขณะที่ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช เผยว่า แม้จะไม่มีเรื่อง ม.112 ก็ยังไม่มีอะไรยืนยันว่า ส.ว. จะโหวตให้ เพราะเส้นทางยังอีกยาวไกล ซึ่งวันนี้ MOU คือการทำสัญญามิติใหม่ของการเมืองไทยที่น่าสนใจ ซึ่งในประเทศไทยมันไม่เคยมี แต่ในอีกมุมหนึ่งคือสะท้อนออกมาว่าพรรคก้าวไกลยังไม่มั่นใจในกติกาและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะ MOU ไม่ได้มีผลอะไรในทางกฎหมาย แต่มันคือสัญญาประชาคมที่ทำให้ 8 พรรคจับมือกัน ส่วนจะเดินหน้าไปพูดคุยกับ ส.ว. ยังไง ยังมีกลไกที่สำคัญอีก 2 ส่วนคือ คณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน, คณะทำงานในการเจรจา ส.ว. แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ใน MOU จะทำให้ ส.ว. โหวตหรือไม่โหวต

วันนี้สิ่งที่เป็นความตั้งใจของพรรคก้าวไกล และสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น มันก็ปรากฏอยู่ใน MOU อยู่ระดับหนึ่ง แต่บางส่วนที่ไม่ปรากฏ มันอาจจะเป็นโมเมนตั้มทางการเมืองเหมือนกัน เพราะวันนี้พรรคก้าวไกลต้องเผชิญความท้าทาย คือการแบกรับความคาดหวังของประชาชน มันอาจจะมีแรงเหวี่ยงเหมือนกับกรณีพรรคชาติพัฒนากล้าก็เป็นได้

ขณะที่ รศ.ดร.ธนพร เผยต่อว่า ถ้าดู MOU ของพรรคก้าวไกล คือพวกเขาถอยมาเยอะ ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะบาลานซ์ยังไงกับคนที่เลือกพวกเขามา กับความเป็นจริงในทางการเมือง อันนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องใช้สมาชิกทั้งหน่วยเข้าไปทำความเข้าใจในพื้นที่ คือแม้ว่าก้าวไกลจะได้เสียงเป็นที่ 1 จริง แต่ต้องจัดรัฐบาลผสม ดังนั้น อะไรก็ต้องยืดหยุ่น และหาจุดร่วมกันให้ได้มากที่สุด จะไปไฟต์กับทุกคนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

สำหรับปรากฏการณ์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพียงชั่วข้ามคืนนั้นแฮชแท็กขึ้นเทรนด์ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือก้าวไกลเขาเติบโตมาจากโซเชียล ทำให้เขาเปลี่ยน ไม่เอาแล้ว ฉะนั้น เมื่อเขาเติบโตมาด้วยโซเชียล ทำให้ต้องเผชิญด้านนี้ก็เยอะ อาจจะต่างกับพรรคอื่นๆ ที่เขามีเส้นทางมาจากหลากหลาย

ในมุมของผม MOU มันคือพันธสัญญาหนึ่งที่เอาไปอธิบายได้ แต่ทาง ส.ว. เองก็ลุกไปมากกว่านั้น คือ ถ้าจะให้โหวตให้ ต้องไม่แตะ ม.112 ซึ่งเป็นเงื่อนไขเรื่องเดียวเลย ฉะนั้น จุดนี้คือบทพิสูจน์ของพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคเองก็ถอยไม่ได้ เพราะมันอยู่ในนโยบายพรรค ทำให้เขาเหลือทางเลือก 2 ทาง คือ 1. ใช้การประสานทำความเข้าใจ 2. พยายามหาการสนับสนุนของสังคม อันนี้เป็นสิ่งที่พรรคจะทำได้ใน 2 ทางนี้ หรือพรรคอาจจะจำเป็นต้องหาตัวช่วย คือผู้ที่สามารถประสานงานได้ โดยไม่ต้องเปิดตัว ซึ่งต้องรีบทำในช่วง 2 เดือน

รศ.ดร.ยุทธพร เผยต่อว่า ไม่ง่ายเลยที่ คุณพิธา จะได้รับการโหวต ตอนนี้เปอร์เซ็นต์คือ 50 : 50 คือ 50 แรกให้ คุณพิธา ได้รับการโหวตเป็นนายกฯ มาจากความชอบธรรมทางการเมือง ซึ่งตอนนี้พรรคก้าวไกลมีมากที่สุดแล้ว ส่วน 50 หลัง ยังมีปัจจัยผกผัน คือการประกาศจาก กกต. จะทำให้ตัวเลขเปลี่ยนไหม ถ้าตัวเลขเปลี่ยน สมการมันเปลี่ยนแน่นอน

การเมืองมันมีปัจจัยแปรผันได้หลายประการ จริงอยู่ในแง่ความชอบธรรมว่า พรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 รวมเสียงได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ในสภาวะปกติมันไม่ต้องโหวตเลย แต่ด้วยผลของรัฐธรรมนูญปี 2560 มันทำให้การเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ เกิดการแยกส่วนระหว่างการเลือกตั้งและเกมการจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้มันสามารถเกิดได้หลายอย่าง อาทิ รัฐบาลก้าวไกล, รัฐบาลเพื่อไทย, นายกฯ คนนอก หรือถ้าเลือกไม่ได้ต้องยุบสภา อันนี้สุดขั้วไปเลย

พูดตรงๆ ว่า ถ้าสมมติพลังประชารัฐย้ายมารวมกับเพื่อไทย คนที่ไม่เอาพรรคก้าวไกล จะร้องว้าว 100% เพราะคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ ที่จะเห็นรัฐบาลในเร็ววันกว่าการที่พรรคก้าวไกลจะเสนอโมเดลว่า โหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ก็เสนอครั้งต่อไป 2 3 4 หรือโหวตกันไปจนกว่า ส.ว. จะหมดวาระ ซึ่งปัญหาคือภาคอื่นๆ ของสังคม เขาอยากให้บ้านเมืองมันเดินหน้า ซึ่งยังต้องตามอีกยาวๆ เพราะการเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้.

อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.