“ชนินทร์” ไม่ติด หาก ปชป. ยกมือ โหวต “พิธา” เป็นนายกฯ แต่ต้องไม่ยกเลิกมาตรา 112 ด้าน “มัลลิกา” ประกาศเดินหน้าปฏิรูปประชาธิปัตย์ แนะควรให้เกียรติ 25 ส.ส. โหวตเอง
วันที่ 17 พ.ค. 2566 นายชนินทร์ รุ่งแสง รักษาการกรรมการบริหารพรรค และผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงท่าทีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ผมเชื่อว่า พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองสามารถอยู่มายืนยงได้ถึง 77 ปีนั้น เป็นเพราะมีอุดมการณ์ที่ยึดหลักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตั้งมั่นทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยยึดเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญมาโดยตลอด และไม่เชื่อว่าจะไม่มีที่ยืนทางการเมืองหรือล่มสลายไป
ผมยินดีกับพรรคการเมืองและผู้ที่ประชาชนเลือกทุกคน ขอให้ทำงานเต็มที่ โดยเฉพาะสิ่งดีดีที่สัญญากับประชาชนไว้ ขออย่าเนรคุณแผ่นดินไทยและประชาชน ที่สำคัญอย่าแตะต้องหรือทำสิ่งใดที่ทำให้สถาบันที่คนไทยเทิดทูนต้องถูกด้อยค่าและถูกดึงลงมาโดยเด็ดขาด ผมรับไม่ได้
เพื่อให้เป็นไปตามครรลอง และเพื่อยุติอำนาจที่ไม่ชอบธรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้ง ผมจึงไม่ติดนะ หากมือประชาธิปัตย์จะยกสนับสนุนให้คนที่มาจากพรรคการเมืองที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามาได้เป็นนายกฯ แต่รับปากและยืนยันได้มั้ย ว่าจะไม่ยกเลิกมาตรา 112 และไม่แก้ไขในส่วนที่จะทำให้ใครๆ สามารถมากล่าวร้ายถึงสถาบันได้ตามใจชอบ
...
ด้าน ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ระหว่างที่พรรคการเมืองผู้ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 กำลังพยายามจัดตั้งรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ในสมการนี้โดยส่วนตัวเห็นว่านี่เป็นบททดสอบของว่าที่นายกรัฐมนตรี ผู้จะบริหารประเทศจะต้องผ่านให้ได้นั้นคือ ทักษะการเจรจาและทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งก็ขอให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล และเป็นเรื่องของผู้นำพรรคก้าวไกลที่เขาจะได้แสดงศักยภาพนั้นให้ประชาชนได้เห็น แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์โดยส่วนตัวเห็นว่าควรให้เกียรติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. 25 คน ที่ประชาชนเลือกมา และรอดพ้นจากสถานการณ์ยุค Disruption ครั้งนี้
ดร.มัลลิกา กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ต้อง Change หรือการเปลี่ยนแปลง มี Innovation นวัตกรรม มี Idealist หรือความคิดใหม่ และมี Freedom หรือเสรีภาพ
“เราต้องพร้อมหันส่องทะลุกระจกให้เห็นอนาคตให้ได้ และขณะนี้ในส่วนที่สำคัญที่สุดคือ บุคลากรมีอำนาจและเสรีภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจเพื่อสร้างศรัทธาความนิยม ซึ่งจะเป็นฝ่ายที่ทำงานหนักอย่างมากในสถานการณ์หลังจากนี้ เพราะจะต้องสร้างความนิยมความศรัทธาให้เข้ากับยุคสมัย และไปกับคนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่มได้อย่างมีศิลปะทันโลกและไม่อคติไม่นำอัตตามาเป็นตัวตั้ง ลดความยึดมั่นถือมั่นเพื่อสร้างความร่วมมือและสามัคคี และจะต้องเป็นการทำงานเป็นทีมแบ่งงานแบ่งหน้าที่กันทำอย่างบูรณาการที่สุด และนี่จะเป็นทางเลือก และเป็นทางรอดของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้จะดำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความซื่อสัตย์สุจริต ประชาชนเป็นใหญ่และดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งถ้าไม่ใช่ทิศทางนี้ดิฉันก็จะไม่เอาด้วยแต่ถ้าจะเดินหน้าปฏิรูป และยอมรับสิ่งที่ประชาชนให้ฉันทามติมาก็จะต้องร่วมมือร่วมใจกันใครเห็นด้วยเราจะแลกเปลี่ยนกัน” ดร.มัลลิกา กล่าว