“เศรษฐา ทวีสิน” ยัน ไม่เอาพรรครากเหง้ารัฐประหาร จับกับก้าวไกลได้ กับภูมิใจไทย เรื่องกัญชา ต้องคุยรายละเอียด ชี้ไม่อยากเป็นทหาร ไม่ได้หมายความว่าชังชาติ
วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 รายการ #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับการถามชัดตอบตรง คุยเดี่ยวแบบล้วงลึกกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย “นายเศรษฐา ทวีสิน” พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหรือไม่? ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์
เมื่อถามว่า เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยช่วงหลังดูดุดัน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเองเป็นคนชัดเจน ไม่พูดเยอะ จริงๆ แล้ว มีคนบอกว่าความเข้มข้นเพิ่มไปเรื่อยๆ จากการพบปะประชาชน เป็นการสื่อสาร 2 ทาง มีทั้งการถกเถียง มันเข้าใจได้ถึงความอึดอัดของประชาชน อย่างเรื่อง พ.ร.บ.การประมง ที่ประมงไทย มีเซ็นสัญญา ปีละ 3 แสนบาท แต่ปัจจุบันต้องนำเข้ากว่าแสนล้าน ถือเป็นสัญญาอัปยศ มีครอบครัวที่ได้รับผลกระทบกว่าแสนครอบครัว พอไปรับฟังมันเห็นการแล้งน้ำใจของคนเป็นผู้นำ พอขึ้นปราศรัยเลยอดไม่ได้ เพราะคุยกับประชาชนมา
เมื่อถามว่า พอขึ้นเวทีปราศรัยมีการลามไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเศรษฐา บอกว่า เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่มาก มันแพร่ระบาดไปทุกที่ เสพยาถูกจับแทนจะไปเป็นผู้ป่วยแล้วบำบัด ส่วนคนค้ายา ก็ไม่มีการยึดทรัพย์ได้เร็ว ถ้าเกิดเป็นนายกฯ จะนั่งหัวโต๊ะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และยังมีเรื่องกัญชาเสรีเข้ามาอีก จึงต้องเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่าเราไม่เอากัญชาเสรี
เมื่อถามว่า จึงเป็นที่มาของนายอนุทินส่งสารถึง มีการเคืองกันหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เคือง ตนเองไม่เคยเอ่ยถึงนายอนุทินบนเวที แต่ตนเองไม่เห็นด้วยกับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องกัญชาเสรี เพราะพูดทุกเวที ในเรื่องความไม่ใช่เรื่องคน เมื่อถามว่าจะเป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า แน่นอน โดยพรรคเรามีจุดยืน 2 เรื่องคือ 1. ไม่เอาพรรคที่มาจากรากเหง้ารัฐประหาร คือพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ และ 2.เรื่องนโยบายที่ไปกันไม่ได้ ตนเองไม่ได้มีปัญหากับอนุทิน 2 เดือนที่แล้วยังทานข้าวด้วยกัน
...
เมื่อถามว่าเรื่องไม่เอาพรรครากเหง้ารัฐประหาร ช้าไปหรือไม่ อาจเป็นผลทำให้ก้าวไกลกระแสไล่ตามขึ้นมา นายเศรษฐา กล่าวว่า เลือกตั้งยังมีเวลาอีก 48 ชั่วโมง และตนเองชัดเจนในหลักการแล้ว ทุกคนในพรรคเพื่อไทยพูดชัดเจน ว่าเราไม่เอารัฐประหาร เพราะเรามีตัวตน เป็นสถาบัน ไม่ใช่อยู่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ครั้งเดียว จึงต้องยึดโยงประชาชน
เมื่อถามว่า กับพรรคภูมิใจไทย จับมือได้หรือไม่ ถ้าพูดถึงเรื่องนโยบายกัญชาเสรี ต้องคุยรายละเอียด แต่นโยบายอื่นยังมี แต่ถ้าหากบอกว่าพรรคภูมิใจไทยต้องเอากัญชาเสรีมาด้วย ไม่งั้นไม่ร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ร่วมไม่ได้ เพราะจุดยืนของพรรคยังชัดเจน
เมื่อถามว่ากินข้าวกับอนุทินมีการพูดคุยอะไรกัน นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีอะไรคุยเรื่องเป็นห่วงบ้านเมือง สนุกสนานดี โดยมีสถาบันการเป็นเจ้าภาพเลี้ยง
เมื่อถามว่ากับก้าวไกล ร่วมได้ไหม นายเศรษฐา กล่าวว่า ร่วมได้แน่นอน และก้าวไกลชัดเจน มีจุดยืนตรงกัน ไม่เอารัฐประหาร แต่เรื่องนโยบายอื่นต้องคุยกัน เช่น ม.112 และนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยหรือไม่ สมมติเรื่องแบ่งงานกระทรวงวัฒนธรรม ก็มีคนไม่ค่อยอยากได้มากเท่าไร แต่พรรคให้ความสำคัญ เช่น น่าน ที่เป็นเมืองคู่แฝดหลวงพระบาง ก็เป็นหน้าที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรม ที่ต้องผลักดันเป็นเมืองมรดกโลก เพราะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกมโหฬาร
เมื่อถามว่าจุดยืนในเรื่องเกณฑ์ทหาร นายเศรษฐา กล่าวว่า ของเราเป็นเรื่องสมัครใจ และไม่เข้าใจเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหารคืออะไร เพราะมองว่าสถาบันทหารถือว่าเป็นอาชีพมีเกียรติ ถ้าไม่อยากเป็นก็เป็นสิทธิในการประกอบอาชีพได้
เมื่อถามว่าถ้าปีนั้นมีคนสมัครไม่พอ นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าลดมา 400 : 1 ของประชากรก็คิดว่าพอ เพราะหลายคนก็อยากเป็นทหารเพราะมีเกียรติ หน้าที่หน่วยงานต้องมีการปรับปรุงพัฒนาเพื่ออยากให้คนอยากไปเป็นทหาร
“คำว่ารักชาติไม่ได้สงวนแค่ทหารอย่างเดียว ไม่อยากเป็นทหาร ไม่ได้หมายความว่าชังชาติ อย่าเอาวาทกรรมนี้มาใช้ ไม่ถูกต้อง เราสมัครใจครับ เราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่าถ้ามีคนอยากเป็นมาก นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องมีการคัดเลือก โดยระบบจะพาไปเอง ต้องให้สิทธิเสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพ มันต้องไม่มีใครต้องนอนไม่หลับ ในการลุ้นจับใบดำใบแดง
เมื่อถามว่าอยากได้กี่พรรค นายเศรษฐา กล่าวว่าขึ้นอยู่ที่ตัวเลขคณิตศาสตร์ หลังวันที่ 14 พ.ค. เราเองไม่ได้รังเกียจพรรคอื่นที่ร่วมงานอุดมการณ์กันได้และคุยกันได้ มันขึ้นอยู่ที่ตัวเลข ส่วนกระแส ยังมั่นใจในการลงพื้นที่กว่า 40 จังหวัด มีการพูดกันเยอะ บางคนบอกว่ากระแสดีมากกว่ายุคไทยรักไทยอีก อย่างภาคใต้ ก็บอกต่างกันเยอะ แต่ก่อนแทบไม่มองหน้า แต่วันนี้ใส่เสื้อแดงต้อนรับ มั่นใจว่าเราได้มากเกินครึ่งหนึ่ง เมื่อถามว่าตั้งเป้าไว้เท่าไร คิดว่าไปถึง 310 ที่นั่งเพราะประชาชนไม่ไว้แล้วกับ 8 ปี ที่มันแสนทุกข์ทรมานและผู้นำที่ไร้จิตใจ