“เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย เผยรัฐประหารเป็นเหตุผลใหญ่ให้ลงการเมือง หวังช่วยประเทศเดินหน้าได้ พร้อมฝากถึง ส.ว. เลือกนายกฯ ตามเจตจำนงประชาชน
เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการ เริ่มใหม่ไทยแลนด์ ไทยรัฐทีวี ดำเนินรายงานโดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ โดยเริ่มจากประเด็นเวทีดีเบตที่ไม่ขึ้น ว่า ตนเองเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ยังไม่เคยพบปะพี่น้องจึงต้องไปเพื่อลงพื้นที่ ระหว่างเวทีจะมีผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ มาคุยกันในปัญหาของพื้นที่นั้นๆ ช่วงหาเสียงไปมา 40 กว่าจังหวัด เสียดายที่ไม่ครบ ได้เรียนรู้สิ่งที่ประชาชนต้องการ เพื่อเตรียมเป็นรัฐบาล จะได้พร้อมทันทีถ้าได้รับฉันทามติ ถ้าไปออกดีเบตจะไม่มีเวลาตรงนี้ และนักธุรกิจน้อยมากที่เสนอตัวมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะคิดว่าทุกคนมีความกลัว เป็นห่วงว่าการเมืองอันตราย มีวิบากกรรม อาจโดนรัฐประหารได้ ยอมรับว่าตัดสินใจนานพอสมควรที่จะเข้ามาเล่นการเมือง ต้องปล่อยความสุขส่วนตัวในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
“รัฐประหาร” ปัจจัยสำคัญตัดสินใจลงเล่นการเมือง
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า การตัดสินใจเล่นการเมืองมีองค์ประกอบหลายอย่าง ตอนนี้อายุ 61 ปี มีประสบการณ์พอสมควร เข้าใจปัญหาบ้านเมือง ช่วง 10 ปีมานี้ติดตามการเมืองเยอะ ลูก 3 คนโตหมดแล้ว หมดห่วง หมดภาระ และตนเองก็มีรายได้มีสินทรัพย์พอแล้ว สบายกายแล้ว แต่การอยู่ในบ้านเมืองที่มีความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเยอะ มองว่าเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของทางออกได้ จะไม่เสนอตัวมาช่วยประเทศเลยหรือ ก็เห็นแก่ตัวเกินไป และปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ง่ายอย่างที่เราพูดกัน ถ้าไม่เข้าใจปัญหาจริงๆ จะไม่รู้ความลึกของปัญหา ไม่เช่นนั้นจะได้แค่พูด และส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง และเรื่องรัฐประหารเป็นเหตุผลส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจเข้ามาเล่นการเมือง เพราะประเทศเจริญแล้วไม่มีใครเอารัฐประหาร เรามีรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ถ้ารัฐบาลไหนทำงานไม่ดีเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องเลือก การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ประชาชนจะออกมาเข้าคูหา ไม่เลือกพรรคที่โยงใยกับการทำรัฐประหาร
...
“รัฐประหารสมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2557 ผมก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร เป็นนักธุรกิจ เขาก็เรียกเข้าไปกรมทหาร มีหลายคนถูกเรียกเข้าไป ต้องมารายงานตัว มีทหารใส่ชุดเต็มยศมีเสื้อเกราะเข้าไปหาผมที่ออฟฟิศ ทำให้ลูกค้า พนักงานตกใจ จะเดินทางไปค้าขายต่างประเทศก็ต้องขออนุญาตล่วงหน้า บางทีก็อนุมัติเร็ว แต่ส่วนมากอนุมัติวันสุดท้าย จะขึ้นเครื่องบินแล้วเพิ่งได้รับอนุมัติ มีทหารโทรมาคุย โทรมาไซโคตลอดเวลา ผมไปเมืองนอกแล้ว คุณแม่อยู่คนเดียว ตอนนั้นก็ 80 ตอนนี้ 90 กว่าแล้ว มีรถฮัมเมอร์ไปจอดหน้าบ้าน เอาทหารใส่ชุดฟูลคอมแบตยูนิฟอร์มไป เขารู้ว่าผมไม่อยู่ที่บ้าน เจตจำนงคืออะไร เป็นการคุกคามชัดเจน ยิ่งถามจะทำให้เขารู้ว่าเราอ่อนแอ ผมพยายามไม่ให้สิ่งเหล่านี้มากระทบกระเทือนจิตใจ และไม่ให้กำลังใจเขาในการทำอีก”
โลกพัฒนาไปไกลแล้ว เราต้องเอาชนะกันด้วยความคิด ด้วยสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่เอาอาวุธมาข่มขู่พี่น้องประชาชน เป็นเรื่องหนึ่งที่ผ่านมาแต่ยังกินใจอยู่ ตนเองไม่เอารัฐประหารมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลปัจจุบันซึ่งมีรากฐานที่มาจากการรัฐประหาร เขียนรัฐธรรมนูญโดยคนที่แต่งตั้งเอง โดยมีสิทธิพิเศษผ่าน ส.ว. 250 คน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นว่าคนไม่กี่คนมาแต่งตั้ง ส.ว. 250 คน มีสิทธิเสียงเท่าประชาชนเป็นแสน เป็นล้านเสียง มันไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง ไม่ได้บอกว่า ส.ว. เป็นคนไม่ดี หรือไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ต้องเข้ากระบวนการประชาธิปไตย ต้องให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นเจ้าของประเทศตัวจริงเป็นคนตัดสิน ว่าใครจะเป็นคนเข้ามา และมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี
ส.ว. ควรเลือกนายกฯ ตามเจตจำนงประชาชน
แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เข้าใจที่ ส.ว. ยังมีสิทธิโหวตนายกรัฐมนตรี คำถามว่าอยากให้เลือกแบบไหนไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกแบบไหนมากกว่า ตนเองบอกความอยากได้ บอกเจตจำนงของประชาชนได้ ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเราต้องสะท้อนความต้องการพี่น้องประชาชน ถ้าสมมติมีพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากได้รับฉันทามติจากประชาชนเกินครึ่งหนึ่ง หรือรวบรวมได้ จากพรรคที่อุดมการณ์ นโยบาย ที่เดินไปข้างหน้าด้วยกันได้เกินครึ่งของ 500 เจตจำนง ส.ว. ควรสะท้อนความต้องการของประชาชนใช่หรือไม่
“ผมอยากจะวิงวอนก็ได้ว่า ส.ว. ควรจะเลือกตามเจตจำนงของประชาชน แต่ผมอยู่กับความเป็นจริง ผมมั่นใจว่า ส.ว. ก็คงไม่โหวตให้ เราก็รู้กันดีอยู่ เพราะ ส.ว. ก็มีก๊กมีก๊วนมีเหล่า ส่วนหนึ่งเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนหนึ่งมีคนบอกว่าเป็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีกส่วนหนึ่งเป็นอิสระ ขึ้นอยู่กับว่าใครเชื่อตัวเลขไหน แต่ผมคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ถ้าไม่เอาพรรคการเมืองหรือการปกครองที่รากฐานมาจากการทำรัฐประหารหรือเผด็จการ ฝ่ายประชาธิปไตยพรรคไหนก็ตามที ต้องเลือกให้ชนะ เลือกให้ขาด โดยที่ไม่ต้องหวังพึ่งคะแนนจาก ส.ว.ทั้งหลาย รวมกันให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ไปทำงานร่วมกับพรรคที่เจตจำนงใกล้เคียงกัน ไม่อย่างนั้นลำบาก ถ้าไม่ชนะขาด ผมว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองเล็กๆ ที่ได้ 30-40 เสียง โดยได้รับการซัพพอร์ตผ่าน ส.ว. อาจจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้”
หวั่นประเทศอยู่ในสุญญากาศ รัฐบาลเดิมรักษาการยาว
เมื่อถามว่าจะมี ส.ว. กี่คนโหวตให้ถ้ามีการเสนอนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ทราบจริงๆ ใน ส.ว. รู้จักเพียง 2 คน ที่เป็นนักธุรกิจกับอดีตข้าราชการตำรวจ แต่คุยกันเรื่องทั่วไป และไม่มีความหวัง เราจะไม่หวังคนที่เขาถูกเลือกเข้ามาโดยคณะบุคคลไม่กี่คน ให้เขาทำตามเสียงของประชาชนมันก็ลำบาก เขาคงทำตามเสียงที่ถูกแต่งตั้งมา เพราะฉะนั้นขอพึ่งแรงของตัวเอง แรงของพี่น้องประชาชน ให้ประชาชนเข้าใจว่า ถ้าเลือกแล้วชนะไม่ขาด มีโอกาสลากยาว ประเทศอยู่ในสุญญากาศ รัฐบาลรักษาการอาจจะรักษาการยาว ใช้เวลานานในการฟอร์มรัฐบาล ผ่านงบไม่ได้ เกิดเรื่องกับประเทศ
ในตอนท้ายของช่วงแรก นายเศรษฐา กล่าวว่า ดัชนีชี้สัดส่วนทางด้านเศรษฐกิจทั้งหลายปัจจุบันเราอยู่บนปากเหวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี หนี้สาธารณะ ความสามารถในการเก็บภาษี หนี้สูงขึ้นมาอย่างมโหฬาร เอารายได้เข้าประเทศก็ทำไม่ค่อยเป็น เรามีเวลาจริงๆ หรือเปล่า จึงยากวิงวอนประชาชนควรดูให้ดีๆ จะฝันอะไรก็ฝันได้ คิดได้ แต่อยากให้ประชาชนกลับมาอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ว่าประเทศไทยเราอยู่ตรงไหน การเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแค่ไหน ใครพร้อมเป็นผู้นำ พรรคไหนพร้อม มีประวัติศาสตร์ที่พร้อม เคยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลายด้าน ทำให้อยู่ดีกินดีมีความสุขได้สำคัญที่สุด.