ตำรวจส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง "ปิยบุตร" ผิด 112 ทวีตข้อความหมิ่นสถาบัน อัยการรับสำนวนนัดฟังคำสั่งฟ้องไม่ฟ้อง ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ด้านทนายมั่นใจเป็นการแสดงความเห็นทางวิชาการไม่ผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่สำนักงานอัยการ ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ส่งสำนวนพร้อม นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ผู้ต้องหาฐานกระทำความผิดมาตรา 112 มารับทราบข้อกล่าวหา กรณี นายเทพมนตรี ลิปพยอม ได้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 ข้อความที่นายปิยบุตร โพสต์ข้อความลงสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย

ด้านนายปิยบุตร กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานอัยการ ว่า รู้สึกเหมือนบังเอิญอย่างไรก็ไม่รู้ว่า ดุลพินิจการพิจารณาของพนักงานสอบสวนเป็นอย่างไร ซึ่งตนพยายามชี้แจงไปแล้วว่าช่วงนี้เป็นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จะเป็นไปได้ช่วยนัดในช่วงหลังเลือกตั้งได้หรือไม่ ทำให้วันนี้ตนเสียเวลาในการหาเสียงและเสียเวลาในการเตรียมตัวจัดการปราศรัยหาเสียงตอนเย็นนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร หากพนักงานอัยการสูงสุดสอบสวนยืนยันว่าจะส่งตัวในวันนี้แต่ก็อยากให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลถูกกระทำอยู่นี้เป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ และตนมีข้อสงสัยประเด็นเรื่องการที่พนักงานสอบสวนเชิญพยานผู้เชี่ยวชาญคดีมาตรา 112 หลายคดีเป็นคนกลุ่มเดิม เช่น ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์, รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ซึ่งหากเป็นบุคคลเหล่านี้พวกเขาเป็นปฏิปักษ์กับตนอย่างชัดเจนแล้วนำมาเป็นพยานได้อย่างไร

โดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้มีนัดหมายส่งตัวนายปิยบุตรให้กับอัยการกอง 10 ในข้อหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าทางตำรวจนำสำนวน และมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่เรื่องนี้หรือไม่

...

ต่อมา หลังจากฟังคำสั่งของอัยการ นายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า อัยการได้รับสำนวน ขั้นตอนต่อไปอัยการจะพิจารณาสำนวน และขอนัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งคดีเป็นวันที่ 24 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. โดยหลังจากนี้หากเรารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน ก็จะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมให้สอบสวนเพิ่มเติม เพราะเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำเป็นไปการแสดงความคิดเห็นตามสิทธิ เป็นทางวิชาการไม่ผิดกฎหมาย อาจจะต้องปรึกษากันว่าจะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเมื่อไร แต่คงจะหลังช่วงเลือกตั้งไปแล้ว 

ซึ่งนายปิยบุตร กล่าวว่า พนักงานสอบสวนควรใช้ดุลยพินิจบ้างเพราะไม่สมควรสั่งฟ้องคดี 112 ทุกคดีมาที่อัยการทั้งหมด แต่เมื่อมาถึงขั้นตอนของพนักงานอัยการแล้วก็ขอเรียกร้องว่า ถ้าพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนแล้ว หากไม่เข้าข่ายก็ไม่ต้องสั่งฟ้อง เพราะสถิติที่ผ่านมาคดีความผิดมาตรา 112 พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ มีความเห็นส่งฟ้องศาลทุกคดี 100% หากไม่มีการแก้ไข ก็จะมีการใช้กฎหมายมาตรา112 ในการกลั่นแกล้งผู้อื่นอีก หวังว่าคดีตนจะเป็นคดีแรกที่ไม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง อย่างน้อยที่สุดให้กระบวนการต่อสู้เป็นความเรียนรู้ทางวิชาการได้ด้วย