“เศรษฐา” ชูนโยบายดันโคราชเป็นฮับการค้าทัดเทียมมหานครทั่วโลก ไม่ต้องแก้เกม หลังโพลพรรคก้าวไกลนำโด่ง มั่นใจ พรรคเพื่อไทยได้เกินครึ่ง รอดูหลัง 14 พ.ค. หากได้จัดตั้งรัฐบาล ชัดใครเป็นตัวเต็งนายกฯ
วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัย ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายอดิศร เพียงเกษ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา นายอภิชา เลิศพชรกมล เขตเลือกตั้งที่ 10 และนายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล เขตเลือกตั้งที่ 11
นายเศรษฐา กล่าวปราศรัยว่า จังหวัดนครราชสีมามีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมี ส.ส. 16 คน ใหญ่เป็นที่ 2 ของประเทศไทย รองจากกรุงเทพมหานคร ตนเองมีความฝันและความหวังที่จะเห็นจังหวัดนครราชสีมาไปได้ไกลที่สุด มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด เป็นศูนย์กลางการค้าโลกทัดเทียมมหานครต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งในอดีตจังหวัดนี้มีนายกรัฐมนตรีซึ่งทำคุณูปการให้กับจังหวัดมโหฬาร ช่วงนั้นเป็นช่วงจังหวะที่นครราชสีมามีความเจริญรุ่งเรือง มีการตัดถนนหนทาง พี่น้องอยู่ดีกินดี พอพรรคนั้นเล็กลงไป กำลังในฝ่ายรัฐบาลน้อยลง ทำให้งบประมาณที่ถูกจัดสรรมาให้พี่น้องชาวนครราชสีมาน้อยลงไป ทำให้การพัฒนาจังหวัดลดน้อยลงไปด้วย
...
ประกอบกับระยะหลัง 8 ปีที่ผ่านมามีรัฐบาลที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน มีรากฐานมาจากการทำปฏิวัติรัฐประหาร ปล่อยปละละเลยให้เกิดปัญหา ทั้งค่าไฟแพง ยาเสพติดระบาด ปุ๋ยราคาแพง ประชาชนไม่มีที่ดินทำกิน หลายๆ ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข การเลือกตั้งครั้งต่อไปวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จึงเป็นโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะนำเสนอนโยบายใหญ่ๆ ให้ประชาชน เริ่มด้วยค่าแรงขั้นต่ำในปีแรก 400 บาททันที และภายในปี 2570 ต้องเป็น 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ภายใน 4 ปี หากครอบครัวไหน รายได้ต่อเดือนไม่ถึง 20,000 บาท จะจัดสำรวจและเติมให้เต็ม 20,000 บาทต่อเดือน
พร้อมกันนี้ นายเศรษฐา ยังได้เน้นย้ำนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชนที่อายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่ต้องรอคอยรัฐบาลที่ไร้หัวใจที่คอยแจกครั้งละ 500-1,000 บาท รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจัดทันที 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เพราะอยากให้พี่น้องมีความฝัน มีความหวังกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เงินจำนวนนี้จะเป็นเงินที่มากพอให้เริ่มต้นก่อร่างสร้างตัวได้ ร้านค้าต่างๆ อุตสาหกรรม เอสเอ็มอีทั้งหลาย ก็จะได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจ 500,000 ล้านบาทนี้ไปด้วย
ขณะเดียวกัน จังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่ศูนย์กลางของการค้าขาย ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ต้องเป็นศูนย์กลางของโลก ทั้งรถไฟความเร็วสูงและการคมนาคมทั้งหลาย พรรคเพื่อไทยจะเร่งก่อสร้างให้เป็นรูปธรรม โคราชจะเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีสินค้าส่งออกไปถึงเมืองจีน ลาว และส่งตรงไปถึงนานาชาติได้ ถ้าพี่น้องปลูกพืชผัก นอกจากพรรคเพื่อไทยจะทำให้ราคาสินค้าดีแล้ว จะทำเรื่องของการขนส่งสินค้าและเข้าไปหาตลาดใหม่ๆ ด้วย
สำหรับปัญหายาเสพติดที่วันนี้มีการระบาดไปทุกพื้นที่ ยาเสพติดเป็นศัตรูอันร้ายกาจของอนาคตลูกหลาน รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างเบ็ดเสร็จ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะนั่งหัวโต๊ะจัดการผู้ค้ายาเสพติดทันที รวมถึงต่อต้านกัญชาเสรี และสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเดียว
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรค เป็นบุคคลที่ใจประนีประนอม แก้ไขปัญหาได้หมด อีกทั้งเป็นชาวโคราช และเป็นผู้แทนของชาวโคราชหลายสมัย วันนี้รับตำแหน่งใหญ่เป็นเลขาธิการพรรค แน่นอนที่สุดถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล นายประเสริฐจะต้องมีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล และชาวโคราชจะไม่ถูกลืมอย่างแน่นอน
“แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าวันที่ 14 พฤษภาคม พี่น้องปันใจให้พรรคอื่น ผมอยากจะเดินหน้าเข้าสู่ทำเนียบฯ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น นโยบายเหล่านี้จะทำไม่ได้เลยถ้าเราไม่มี ส.ส. 16 คน จากจังหวัดนครราชสีมาเข้าไปสนับสนุน เราต้องการเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล ผมจึงอยากอ้อนวอนขอให้พวกเราช่วยกันนำผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย เดินหน้าเข้าสู่สภาฯ เพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องจังหวัดที่มีศักยภาพสูง ให้เป็นจังหวัดที่มีคุณภาพ เดินไปข้างหน้าให้สมกับที่ควรจะเป็น วันที่ 14 พฤษภาคม ขอให้พี่น้องเข้าคูหา กาพรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ใบ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”
หลังจบการปราศรัย นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า โค้งสุดท้ายไม่มีอะไรต้องแก้เกมกับพรรคก้าวไกลหลังกระแสโพลมาแรง เพราะโพลภายในของเพื่อไทยก็ยังมาดีอยู่ ยังมั่นใจจะได้เกินครึ่ง แต่โพลที่ออกมาย้ำๆ จากสื่อเป็นเพียงกระแส และไม่แน่ใจว่าโพลจะชี้นำการตัดสินใจของประชาชนหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับพรรคและนโยบายและผู้นำ ตอนนี้จะมาเล่นกันไม่ได้ การเลือกตั้งไม่ใช่สนามประลองฝีมือ คนที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องทำนโยบายที่เสนอให้เป็นจริงได้ พรรคเพื่อไทยยังมั่นใจในความแข็งแกร่งของฐานเสียง
ส่วนกระแสที่คนเข้าใจว่าเลือกพรรคเพื่อไทยแต่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายเศรษฐา ย้ำว่า อันนี้ไม่น่าใช่ประเด็นแต่จะเป็นจุดแข็งมากกว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีจุดแข็งที่ต่างกัน และนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยก็อยู่ 1 ใน 3 คน หลังเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม ก็จะรู้เอง.