“เศรษฐา” ลั่น เปลี่ยนขั้วอำนาจต้องเลือกเพื่อไทย ดักคอ หากเลือกพรรคอื่นได้ “บิ๊กตู่” คนเดิม ไม่ให้ค่า “ศุภชัย ใจสมุทร” ด้าน “ณัฐวุฒิ” ไม่กังวล “ครูแก้ว” แจ้งความ ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นำทัพจัดปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.ฝั่งธนบุรี หาเสียงที่ลานตรงข้ามตลาดบางแค (ศูนย์องค์วิศิษฐ์ เดิม) เขตบางแค อาทิ นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส. เขตคลองสาน-ธนบุรี นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองแขม-บางบอน นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค โดยมีประชาชนรอรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก

นายเศรษฐา ปราศรัยว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อดูแลชีวิตประชาชน ทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใน 4 ปีให้เป็น 600 บาท ซึ่งปีแรกขึ้นทันที 400 บาท คนจบปริญญาตรีที่เงินเดือนขั้นต่ำเท่าเดิมมานาน จะทำให้เป็น 25,000 บาทต่อเดือน รถไฟฟ้าจะปรับราคาให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย การเลือกตั้งที่จะถึงนี้เป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ประเทศ เพราะรัฐบาลปัจจุบันทำความเสียหายให้ประเทศ ทำรัฐประหาร เขียนกติกาเอื้อประโยชน์ตัวเอง ตั้ง ส.ส.เพื่อโหวตให้มีอำนาจต่อเนื่อง พรรคเพื่อไทยถือเป็นมวยรอง เพราะยังไม่ทันเลือกตั้งเขามี ส.ว. 250 เสียง ทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนขั้วอำนาจนี้ได้ เราต้องเข้าคูหากา 2 ใบให้เพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค

...

สำหรับพรรคที่บอกว่ากัญชาเสรี มอมเมาประชาชนมาบอกว่าทำกัญชาแล้วจะรวยไม่มี เพราะเมื่อกัญชาถูกกฎหมายทุกคนทำหมด ราคาถูกลง อย่าให้เขามอมเมาประชาชนว่าทำกัญชาแล้วจะรวย อย่าให้เขาเอานโยบายนี้มาหลอกขาย ต้องกัญชาเพื่อการแพทย์โดยพรรคเพื่อไทยเท่านั้น และถ้าเลือกพรรคการเมืองอื่นที่เคยเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาอยู่กินกันมา

“ถึงแม้จะมีแคนดิเดตนายกฯ เป็นคนของพรรคเขา ถ้าพรรคเขาคะแนนไม่พอเขาจะเสนอใคร พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาแน่นอน ถ้าไม่เอา ต้องไม่เอาพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ ทางเปลี่ยนประเทศมีทางเดียวคือเข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบให้แลนด์สไลด์ เพื่อเศรษฐกิจที่ดีกว่า สังคมที่เท่าเทียม ให้ลูกหลานมีอนาคตที่ดีกว่า”

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ศุภชัย โพธิ์สุ
ศุภชัย โพธิ์สุ

ทางด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขตเลือกตั้ง 2 พรรคภูมิใจไทย แจ้งความดำเนินคดี นายเศรษฐา พร้อมแกนนำอีก 3 คน คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ และตนเอง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาใส่ร้าย และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ จากกรณีการปราศรัยบนเวทีที่ จ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2566 ว่า หากติดตามการปราศรัยของพรรคเพื่อไทยตลอด สิ่งที่พูดวันนั้นไม่ได้ต่างจากที่พูดในเวทีอื่นๆ หลักคือเราไม่ยอมรับ ไม่เห็นด้วย และจะไม่ปล่อยผ่านให้บ้านเมืองมีกัญชาเสรี ใครแจ้งความถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่เราก็มีสิทธิ์ในการปกป้องตนเองเช่นกัน ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ หากต้องเป็นจำเลยต่อสู้คดีก็ยินดีที่จะสู้ไปตามกระบวนการ แต่หากมีข้อกฎหมายที่จะสามารถปกป้องตนเองโดยการแจ้งความกลับหรือดำเนินคดีคืนก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของพวกตนเช่นเดียวกัน

เมื่อถามต่อไปถึงประเด็นที่เขามองว่าบิดเบือน คือ หากเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้บิดเบือนให้ร้าย เพราะรูปธรรมมันชัดอยู่แล้ว เมื่อปี 2562 ส่วนคำถามว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เตรียมที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา มีความกังวลอะไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า เข้าใจว่าท่านก็ต้องรับทุกลูก เพราะท่านมีหน้าที่ ใครไปยื่นร้องเรียน ใครไปยื่นฟ้อง ก็ต้องเอาไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องมีการระมัดระวังในเรื่องของการปราศรัยหรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิ ระบุว่า อะไรก็ตามที่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เราไม่กังวล เชื่อว่าสิ่งที่เราพูดไปทุกประเด็นและทุกเวทียืนอยู่บนหลักการนี้

เศรษฐา ทวีสิน ร่วมเวทีปราศรัยย่านบางแค กทม.
เศรษฐา ทวีสิน ร่วมเวทีปราศรัยย่านบางแค กทม.

ทั้งนี้ หลังจบการปราศรัย นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ออกมาโจมตีว่าเป็นเพียงนักแสดงแทนคนหนึ่ง เข้ามาเพื่อช็อปปิ้งตำแหน่งนายกฯ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ว่า จะมารู้ดีกว่าตัวเองได้อย่างไร แต่ไม่เป็นไรเพราะตนก็ไม่รู้ว่า นายศุภชัย เป็นใคร หรือมีตำแหน่งอะไรในพรรคภูมิใจไทย ขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ ส่วนที่มีการฟ้องร้องก็ให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ว่ากันไปตามขั้นตอน ส่วนเรื่องที่ระยะหลังพรรคภูมิใจไทยพุ่งเป้ามาที่ นายเศรษฐา หลังจากขึ้นไปวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกัญชาเสรี นายเศรษฐา ยืนยันว่าเรื่องที่กล่าวปราศรัยบนเวทีเป็นเรื่องของความ ไม่ใช่เรื่องของคน และตนเองมีจุดยืนไม่เอากัญชาเสรีโดยเด็ดขาด.