'ธรรมนัส' ลุยหาเสียง แม่ฮ่องสอน ชู ก้าวข้ามขัดแย้ง แก้ปัญหาสิทธิ์ที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ลั่น ทำทันทีหลังเป็นรัฐบาล ขณะ "อุตตม" ยัน ปรับโครงสร้าง ฟื้นเศรษฐกิจ สู่เศรษฐกิจโลกยุคใหม่ มั่นใจเป็นทางออก
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 เวลา 14.00-16.30 น. ณ โรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปราศรัยหาเสียงนโยบายพรรค นำโดย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดพะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ เพื่อหาเสียงช่วยผู้สมัครส.ส.จังหวัดแม่ฮ่องสอนของพรรค ได้แก่ เขต 1 นายปกรณ์ จีนาคำ เบอร์ 2, เขต 2 นายจำลอง ศรีสวัสดิ์ เบอร์ 10 โดยมีนายปัญญา จีนาคำ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.ร่วมลงพื้นที่พบปะประชาชนด้วย
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกท่านในพื้นที่ เขต 2 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แก่ ชาวอำเภอแม่สะเรียง แม่ลาน้อย และสบเมย ซึ่งมีเรื่องสำคัญมาบอกว่า พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เรามีนโยบายสำคัญคือก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อความรักสามัคคี เพื่อความเจริญ มั่นคงของบ้านเมือง เมื่อประเทศมั่นคงเราก็จะดูแลปากท้องพ่อแม่พี่น้องให้มีความสุข กินดีอยู่ดี ทั้งเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ด้วย เท่านั้นยังไม่พอเราจะลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย
...
นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนของเราส่วนใหญ่มีพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า และเขตอุทยานฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ของรัฐ ทำให้เป็นเรื่องทุกข์เดือดร้อนมานานใช่หรือไม่ ดังนั้นเราจะเปลี่ยนและแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะพรรคฯ เราจะผลักดันให้พ่อแม่พี่น้องที่มีสิทธิที่ดินเดิมเป็น ส.ป.ก.ให้เป็นโฉนด ซึ่งเรื่องนี้ ตนเองผลักดันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ส่วนใครที่ทำกินอยู่ในที่ ที่ได้รับอนุญาตเช่นป่า หรืออุทยานแห่งชาติ ก็จะเปลี่ยนเป็น ส.ป.ก.4-01 ตามเป้าหมาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” ขอให้คอยติดตามความเป็นรูปธรรม ซึ่งจะทำทันทีหลังเป็นรัฐบาล
ด้านนายจำลอง ได้ขึ้นปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรคฯ เพิ่มเติมว่า พรรคพลังประชารัฐยังมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนพ้นจากความยากจน แบ่งเบาภาระ ค่าครองชีพในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีเบี้ยผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน นโยบายดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ รวมไปถึง 3 นโยบายสำคัญสร้างรายได้เกษตรกร คือเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ปุ๋ยคนละครึ่ง คือรัฐช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญและมีประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน
ทั้งนี้ ภายหลังการปราศรัยเสร็จสิ้น ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมผู้สมัคร ส.ส. ยังได้ร่วมถ่ายภาพกับประชาชนที่มาฟังปราศรัยอย่างเป็นกันเอง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 พฤษภาคม) ร้อยเอกธรรมนัส ยังมีกำหนดการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต่อเนื่อง เพื่อหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ได้แก่ นายปกรณ์ จีนาคำ เบอร์ 2 เริ่มจากเวลา 10.00-11.30 น. ปราศรัย ณ หอประชุม โรงเรียนห้องสอนศึกษาในพระราชินูปถัมภ์ อ.เมือง แม่ฮ่องสอน และ เวลา 14.30-16.00 น. ปราศรัย ณ หอประชุม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ขณะ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร.อุตตม สาวนายน ประธานคณะจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ร่วมเวทีดีเบต “โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 ดีเบตนโยบายเศรษฐกิจ กับ 9 พรรคการเมือง” ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ทั้งนี้ในเวทีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หัวข้อเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องการ และนโยบายเศรษฐกิจที่ต้องการให้รัฐบาลหน้าดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งผลสำรวจระบุว่า นโยบายที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือนโยบายที่เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน เช่น ขึ้นค่าแรง การลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ค่าน้ำ ไฟฟ้า น้ำมัน รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่จะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ดร.อุตตม ได้ตอบคำถามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลสำรวจข้างต้น ว่า ผลโพลดังกล่าว สะท้อนความกังวลใจของพี่น้องประชาชนใน 2 เรื่อง คือ เรื่องปากท้องในปัจจุบัน กับเรื่องโอกาสการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตที่สามารถมีโอกาสที่ดีกว่าวันนี้หรือไม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศไทยมีความเสี่ยงสูง ที่ปีนี้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์
ดังนั้นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลหน้า ต้องทำมี 3 เรื่อง คือ 1.ต้องสร้างโอกาสเอื้ออำนวยและสนับสนุนเรื่องการสร้างรายได้ให้คนไทย 2.การบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการโดยเฉพาะคนตัวเล็ก บริษัทขนาดกลาง และเอสเอ็มอี 3.ต้องวางรากฐานการพัฒนาประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืนอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม
ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนทั้ง 3 ภารกิจนั้น พรรคพลังประชารัฐมีชุดนโยบายความคิดที่สามารถทำได้ทันที โดยเป็นนโยบายที่ครอบคลุมทุกด้านและทุกกลุ่ม อาทิ การปรับโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศคืนความยุติธรรมด้านราคาพลังงานให้กับประชาชน การแก้ปัญหาหนี้สินทั้งระบบ ไม่ใช่แค่การพักหนี้พักดอก แต่ต้องแก้หนี้และเติมทุนใหม่ เติมทักษะองค์ความรู้เข้าไปพร้อมกัน การมีรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุม
“พรรคพลังประชารัฐ มองว่า รัฐสวัสดิการเป็นการลงทุน โดยลงทุนทุกกลุ่มวัย ไม่ใช่การโปรยเงิน และคนไทยต้องได้รับการคุ้มครองทางสังคมอย่างทั่วถึง และการพัฒนาเชิงพื้นที่โครงการใหญ่ทั้งคมนาคม อุตสาหกรรมใหม่ ประเทศไทยวันนี้ถ้าจะกระชากให้หลุดจากภาวะเศรษฐกิจชะงักงันก็ต้องมีการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ”
ต่อคำถามเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุก จนกระจาย ดร.อุตตม กล่าวว่า การแก้ปัญหารวยกระจุก จนกระจาย ต้องมองภาพรวมทั้งประเทศ ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก กระจายการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมลงสู่ชุมชนให้ทั่วถึง ต้องสร้างคู่ขนานกันทั้งโอกาสและรายได้ อย่างเช่น ด้านการเกษตร ที่ต้องส่งเสริมด้านเทคโนโลยี การวิจัยและการพัฒนา รวมถึงการสนับสนุนทุน โดยพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายสนับสนุนทุนครัวเรือนละ 3 หมื่นบาท เพื่อไปพัฒนาต่อยอดให้มีศักยภาพ รวมถึงการสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวทั้งภูมิภาคด้วยระบบคมนาคม การแปรรูปสินค้าการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ต้องสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ๆ ทดแทนเครื่องยนต์เศรษฐกิจเก่าที่กำลังถดถอย ให้สอดรับกับจุดแข็งของประเทศและตอบโจทย์สิ่งที่ทั่วโลกต้องการ เช่น BCG อาหาร สุขภาพ รวมถึง Digital Content เป็นต้น
นอกจากนี้ ในเวทียังได้เปิดโอกาสให้แต่ละพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์ว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล โดย ดร.อุตตม กล่าวว่า นโยบายสั้นๆ ของพรรคพลังประชารัฐ คือ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” เพราะถ้าไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนที่เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนบ้างเป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างเต็มที่ พรรคพลังประชารัฐก้าวข้ามความขัดแย้งอยู่เหนือทุกนโยบายของเราเองและของทุกพรรค นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อและนำเสนอกับประชาชน นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายที่มุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ปัญหาปากท้อง และการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นทันที และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตอย่างต่อเนื่องยั่งยืนใน 2 มิติ คือ การสร้างเศรษฐกิจที่พัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุมและเป็นธรรมสำหรับคนไทย