“อนุทิน” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข เปิดกิจกรรม “วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน” รณรงค์เชิญชวนประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 ควบคู่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ย้ำ ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยัน ฉีดทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันได้
วันนี้ (3 พฤษภาคม 2566) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม World Immunization Week: 2023 Vaccine for Everyone “Episode II: วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน (Dual Immunity)” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม
จากนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 40 ปี ไทยใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชากรกลุ่มเป้าหมาย เพื่อป้องกัน ควบคุม ลดการป่วยรุนแรงและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 การฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการสำคัญที่ทำให้ทุกประเทศผ่านพ้นวิกฤตการณ์มาได้
...
สำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมในหลายพื้นที่ ทำให้มีแนวโน้มพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อมูลทางระบาดวิทยาคาดการณ์ว่าโรคโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ จะแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในฤดูฝน ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นจะมีความเสี่ยงป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จึงขอเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายตามเกณฑ์เข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนประจำปี เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่งผลดีทั้งต่อสุขภาพของตนเอง ป้องกันคนในชุมชน รวมถึงเป็นการรักษาระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ซึ่งข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่าสามารถฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดพร้อมกันได้ ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะห่าง ทำให้สะดวกต่อการมารับบริการในครั้งเดียว
“กระทรวงสาธารณสุขขอให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ตามเกณฑ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนเข้าฤดูฝน ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิด มีความปลอดภัยสูง การศึกษาวิจัยของต่างประเทศไม่พบผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นจากการฉีดพร้อมกัน ซึ่งหลายประเทศในยุโรป อาทิ สหราชอาณาจักร ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรณรงค์เชิญชวนให้กลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีนทั้ง 2 ชนิด กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดกิจกรรม World Immunization Week: 2023 Vaccine for Everyone “Episode II: วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน (Dual Immunity)” กระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ควบคู่กับวัคซีนโควิด-19 ก่อนเข้าสู่ฤดูฝน สามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน โดยได้จัดเตรียมวัคซีนโควิด-19 ไว้อย่างเพียงพอ
ส่วนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขมุ่งหวังให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการฉีดครอบคลุมมากขึ้น จึงได้ปรับลดค่าบริการฉีดวัคซีนจาก 60 บาทเหลือ 20 บาทต่อครั้ง เพื่อให้ สปสช. นำเงินค่าบริการส่วนนี้ไปปรับเป็นงบประมาณจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติม ช่วยประหยัดงบประมาณ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบให้จัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มอีก 8.6 แสนโดส เมื่อรวมกับวัคซีนที่ สปสช. จัดซื้อสำหรับ 7 กลุ่มเสี่ยงปีนี้อีก 4.4 ล้านโดส จะมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้บริการทั้งสิ้น 5.26 ล้านโดส
จากนั้น นพ.โอภาส กล่าวเสริมว่า ปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งรัดติดตามให้กลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัยได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์ เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันหมู่ของประเทศให้สูงพอต่อการป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูงต่อภาวะป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด-19 ที่คาดว่าจะมีการระบาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทั้ง 2 โรคควบคู่กัน จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญที่จะช่วยปกป้องกลุ่มเสี่ยงและคนรอบข้างได้ การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงเน้นการสื่อสารภายใต้กรอบแนวคิด “วัคซีนคู่ สู้หน้าฝน” เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงตระหนักและมารับวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ช่วยลดความรุนแรงและลดการเสียชีวิต.