“แพทองธาร” พร้อมคัมแบ็กปลุก “แลนด์สไลด์” ลั่นต้องเลือกเพื่อไทยเปลี่ยนประเทศ เมินโพลกระแสก้าวไกลพุ่ง ขอเข้าใจ “ทักษิณ” แค่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ย้ำไม่จับมือ พปชร.
วันที่ 3 พ.ค. 2566 ที่โรงพยาบาลพระราม 9 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี แถลงความพร้อมในการทำงานต่อหลังเลือกตั้ง ท่ามกลางสื่อมวลชนมาร่วมทำข่าวนับร้อย โดยก่อนเริ่มสัมภาษณ์ ครอบครัวชินวัตร นำโดย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว เพื่อแถลงข่าวกรณีการคลอด ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยในช่วงแรก ทีมแพทย์ได้พา ด.ช.พฤจ์ธาษิณ ออกมาพบปะกับสื่อมวลชน
น.ส.แพทองธาร เผยว่า เดิมตั้งใจว่าจะคลอดธรรมชาติ แต่เริ่มมีอาการท้องแข็งตั้งแต่คืน 29 เม.ย. แต่ในช่วงเตรียมคลอด อัตราการเต้นหัวใจของ ด.ช.พฤจ์ธาษิณ ตกลงมา ทีมแพทย์เฝ้าดูถึงวันที่ 1 พ.ค. เวลา 4.00-5.00 น. ก่อนลงความเห็นว่าการผ่าคลอดปลอดภัยที่สุด โดยไม่ได้ดูฤกษ์ยามแต่อย่างใด ก่อนจะคลอดในเวลา 6.00 น. ของวันเดียวกัน
...
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า ความรู้สึกเมื่อผ่าตัด ตนกลัวมาก แต่ให้ทีมแพทย์ทำไปเลยโดยไม่ต้องส่งสัญญาณ พร้อมจับมือสามีและ น.ส.พินทองทา เอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ก็น้ำตาไหลด้วยความดีใจ พร้อมเผยว่า ความกลัวมาจากใจตัวเอง เพราะมั่นใจในความสามารถของทีมแพทย์ ขณะนี้ น้องพฤจ์ธาษิณ ปลอดภัย ไม่มีปัญหาสุขภาพและหัวใจ ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
สำหรับชื่อ พฤจ์ธาษิณ นั้น ตนตั้งชื่อขึ้นมาเอง ที่ชื่อ พฤจ์ เพราะอยากให้ครอบครัวมีชื่อย่อว่า P.S. และเลือก “จ์” เพราะอยากให้คล้าย คุณหญิงพจมาน และ ธาษิณ มาจากชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของตนเอง ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่หวังจะสร้างความผูกพันกับคนในครอบครัว และมาจากความชอบของตัวเอง
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าเรื่องดีๆ มาพร้อมกับการกำเนิดของเด็ก และเชื่อว่าเป็นคำอวยพรให้กับครอบครัว ไม่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะลูกคือพลังในการทำงานและใช้ชีวิต
กรณี นายทักษิณ ทวีตข้อความขอเดินทางกลับมาเลี้ยงหลานนั้น น.ส.แพทองธาร เชื่อว่า นายทักษิณ ตื่นเต้นกับการคลอดบุตร เช่นเดียวกับครอบครัวที่อดหลับอดนอนรออยู่นอกห้องคลอด ไม่ได้กลับบ้าน นายทักษิณ จึงทวีตข้อความด้วยความดีใจ และอยากให้มาเฝ้าหน้าห้องคลอดด้วย เมื่อครั้งคลอด ด.ญ.แพธิธาร สุขสวัสดิ์ ก็ได้เตรียมการไปคลอดในประเทศที่ นายทักษิณ พำนักอยู่ด้วย แต่ติดปัญหาเรื่องเอกสาร ซึ่งเชื่อว่าครั้งนี้ทุกคนก็เข้าใจ
“หวังอยู่เสมอว่า นายทักษิณ จะได้กลับมา หวังไว้ตั้งแต่วันแรกที่ นายทักษิณ เดินทางออกจากประเทศไทย แม้สิ่งที่ นายทักษิณ พูดจะมีผลต่อการเมือง แต่สำหรับคนในครอบครัวเอง ไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่จะหวังในเรื่องดีๆ คุยเรื่องบุตรชายกับ นายทักษิณ อยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยพูดเรื่องการกลับมา เพราะ นายทักษิณ มีแผนชีวิตของตัวเอง” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า การที่ นายทักษิณ จะกลับบ้าน ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงการหาเสียง แม้จะแยกออกจากกันยาก เพราะ นายทักษิณ เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อมั่นในตัว นายทักษิณ เช่นเดียวกับตนที่เป็นลูกสาว จึงมีความหวังต่อกันมา เป็นสิ่งที่เราไม่ได้กำหนด ห้ามไม่ได้
“เขาพูดตลอดว่าอยากกลับมาเลี้ยงหลาน ไม่ได้อยากกลับมาเป็นนายกฯ ถ้าเป็นความจริงแล้ว ไม่เกี่ยวกันเลย แต่คนก็ชอบผูกให้มันเกี่ยวกัน ซึ่งก็ไม่แปลก” น.ส.แพทองธาร กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า ขอแค่เข้าใจพื้นฐานความเป็นมนุษย์ คุณพ่อของตนก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีความหวัง ตนก็ดีใจ ที่ผ่านมาหลายปีแล้ว คุณพ่อยังพูดอย่างนี้ แล้วมีความหวังอยู่ การมีความหวังแบบนี้ ทำให้สุขภาพแข็งแรง สุขภาพใจยังดีอยู่ คนที่สนับสนุนครอบครัวเรา ก็พลอยมีความหวังไปด้วย
“คุณตาเหมาไว้ตั้งแต่แรก ว่าความเป็นไปได้คือลูกสาวจะหน้าเหมือนพ่อ ลูกชายจะหน้าเหมือนแม่ และเมื่อตนมีลูกชายจึงหน้าเหมือนคุณตา”
ส่วนการพา ด.ช.พฤจ์ธาษิณ ไปหาคุณตานั้น น.ส.แพทองธาร เผยว่า คุณยายสบายใจที่จะให้ไปหาคุณตาในช่วงหลังจากนี้ 4-5 เดือนต่อจากนี้ ขณะที่สุขภาพของตน ทีมแพทย์ระบุว่า พรุ่งนี้กลับได้เลย แต่ตนคาดว่าจะกลับพร้อมกับลูก หากตรวจเช็กสุขภาพพร้อมแล้ว ภายในวันนี้หรือวันมะรืน
สำหรับภารกิจต่อจากนี้ ทั้งการลงพื้นที่หาเสียงและเวทีดีเบต น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทางพรรคมีอะไรให้ส่งมา ตนพร้อมแน่ แต่ที่แน่นอนคือเวทีปราศรัยใหญ่ วันที่ 12 พ.ค. ตนไปร่วมแน่นอน แต่เน้นย้ำกับทีมงานว่า หากมีอะไรที่ทำได้ ตนก็จะทำ
กรณีโพลชี้ว่า กระแสของพรรคก้าวไกลพุ่งขึ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า โพลบางอันก็เชื่อถือได้ บางอันก็ไม่ ประชาชนต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณานโยบายของพรรค แล้วภาพรวมว่าพรรคใดที่สามารถเป็นอนาคตของประชาชนได้จริง เราทนมาแล้ว 4 ปี เราต้องเลือกตั้งให้เปลี่ยนได้ทันที เลือกแบบมียุทธศาสตร์ ให้ชนะขาด ไม่ต้องรอลุ้นเหมือนในปี 2562 ที่เราได้คะแนนอันดับ 1 แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล
น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวว่า ต้องปรับกลยุทธ์ เพิ่มกระแสให้ตัวบุคคล หลังออกจาก รพ. แล้ว พร้อมทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ โดยการออกไปพบประชาชนเท่าที่ทำได้ รวมถึงตัวแทนแคนดิเดตอีก 3 คนของพรรค ที่พร้อมเป็นนายกฯ ทั้งหมด ตัวเลือกที่ดีที่สุด ต้องให้ประชาชนเป็นคนเลือก ว่าใครจะเป็นนายกฯ ในท้ายสุด
เมื่อถามว่า การประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นมติพรรคหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คนทั้งพรรคต้องเห็นด้วยพร้อมเพรียงกัน ตนสงสัยว่า เป็นกระแสของพรรคคู่แข่งหรือเปล่า ที่บอกว่าเราไม่ชัดเจน ทุกคนออกไปพูด ไม่ใช่แค่ตน หัวหน้าพรรค และ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ก็พูด ก็ยังบอกว่าไม่ชัดเจน คงคิดว่าเป็นเทคนิคทางการเมือง แม้ยังไม่มีการประชุม กก.บห. แต่คุยกันมาโดยตลอดถึงทิศทางต่อไป ทุกเรื่องไม่สามารถร่างออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้ แต่แน่นอนว่าเราคิดกันแบบนี้
ส่วนกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ร้องยุบพรรคเพื่อไทย เรื่องไลน์หลุดโอนเงินให้คนเสื้อแดงช่วยหาเสียง น.ส.แพทองธาร ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง ถ้า นายศรีสุวรรณ ว่าง ก็เชิญ มองว่าเป็นเทคนิคในการหาเสียง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไม่จริงจะฟ้องกลับหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ถ้ามีเวลาเหมือน คุณศรีสุวรรณ แต่ไม่แน่ใจ เพราะอาจไม่มีเวลา ต้องทำงานและเลี้ยงลูก
ขณะที่การพาดพิงโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั้น น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เห็นด้วยกับการตอบของ นายเศรษฐา มีเหตุผล และครบถ้วน ซึ่งใครพูดอะไรมา เราก็พร้อมรับฟัง พร้อมยืนยันจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรี
สุดท้าย น.ส.แพทองธาร ย้ำว่า วันที่ 14 พ.ค. 2566 ขอให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และครั้งนี้ต้องไม่เลือกเพื่อรอลุ้นว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลได้หรือไม่ ครั้งนี้ต้องเลือกให้ชนะขาด แล้วเปลี่ยนรัฐบาลทันที.
ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี