ขอเปลี่ยนจากเผด็จการจำแลงให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอกย้ำปรากฏการณ์ “สามย่านมิตรทาวน์” กาก้าวไกลให้เกิดภาพ 9 เปลี่ยน 1 ใน 9 เปลี่ยนคือได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
หวังว่าในช่วง 13 วันสุดท้ายในการโชว์วิสัยทัศน์ ต้องทำให้เห็นเป้าหมายเมื่อมันเปลี่ยนแล้วจะได้เห็นอะไร เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
ถ้าคนรุ่นใหม่ฟัง เขาก็รู้สึกว่าโอเคฉันไม่ต้องย้ายประเทศละ!! แค่ไปเลือกตั้งและสนับสนุนพรรคก้าวไกล คนรุ่นสูงอายุที่เกษียณแล้ว เขาก็รู้สึกว่าโอเคมีความหวัง มีคนรุ่นนี้มาทำต่อได้ในสิ่งที่เขาต่อสู้มาเกือบตลอดชีวิต ทั้งสุราพื้นบ้าน ลูกแป้งทำสาโท ทำอุ
สิ่งเหล่านี้เป็นยุทธศาสตร์แคมเปญโค้งสุดท้ายที่ต้องทำ โดยทำเป็นสเต็ปอัป มีเซอร์ไพรส์อีกนิดหน่อย
เป็นระเบิดลูกสุดท้าย 3-4 ลูก ตีไพ่ไปจนถึงวันเลือกตั้ง
“ตอนนี้ปรับเป็นออนกราวด์ให้มากขึ้น เอาสิ่งที่ประชาชนต้องการในการช่วยเราหาเสียง ผ่านหัวคะแนนธรรมชาติ ทำให้ปรากฏการณ์สามย่านมิตรทาวน์เกิดขึ้น 4 มุมเมืองทั่วประเทศไทย
...
เน้นพูดถึงความหวังมากขึ้น อยากให้รุ่นลูกรุ่นหลาน วัยกลางคน วัยเกษียณมีความหวังเมื่อพรรคก้าวไกลเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล
โรดแม็ปรัฐบาลพรรคก้าวไกลขับเคลื่อน 300 นโยบายภายใต้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต โดยแผนงาน 100 วันแรก นับหนึ่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที มี ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน”
โมเดลสามย่านมิตรทาวน์ ปลุกกระแสหัวคะแนนธรรมชาติพอที่จะต่อสู้หัวคะแนนจัดตั้งได้อย่างไร นายพิธา บอกว่า เผลอๆ สู้ได้มากกว่า!!
ประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบฉบับของพรรคก้าวไกล จะทำทุกวิถีทางด้วยการพูดคุย ฝันร่วมกัน มันไม่ใช่ทำให้พรรคการเมืองที่มาซื้อหัวคะแนน แต่ทำกับพรรคการเมือง
ต้องเข้าใจระหว่างคำว่าเวิร์กฟอร์กับเวิร์กวิธ (Work For- Work With) ถ้าเวิร์กฟอร์ คุณต้องมีเงินมาให้ผม คุณต้องดูแลผม ถ้าเวิร์กวิธ ต้องช่วยกันรักษาความฝันของพวกเราว่าจะทำอย่างไรให้เปลี่ยนการเมืองที่สิ้นหวัง ให้เป็นการเมืองที่มีความหวังได้
ทีมการเมือง ถามว่าสร้างความหวังให้แก่ประชาชนในช่วงโค้งสุดท้าย มีโอกาสตีคะแนนขึ้นมาให้แต่ละเขตเลือกตั้งชนะได้แค่ไหน เพราะเป็นพรรคเดียวที่ขับเคี่ยวกับ 2 ขั้วทางการเมือง และฐานเสียงทับซ้อนในเข่งของพรรคเพื่อไทย เห็นได้จากเลือกตั้งปี 62 ได้คะแนนมาอันดับ 2 เยอะมาก
นายพิธา บอกว่า เป็นปกติทางการเมือง ยิ่งแข่งขันเยอะ ประสิทธิภาพก็ยิ่งเยอะ ประชาชนยิ่งได้ประโยชน์ ตรงนี้มองเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
หากเอาพรรคการเมืองเป็นที่ตั้ง ยิ่งการเมืองเข้มข้น แข่งกันสูสีมากแค่ไหน ไม่มีพรรคหนึ่งนำโด่งขึ้นมา ทำให้ประชาชนกระชุ่มกระชวยออกมาเลือกตั้ง เชื่อว่ามีคนออกมาใช้สิทธิถล่มทลายเป็นประวัติศาสตร์ อาจทะลุถึง 80%
ขณะเดียวกัน ผมถือว่าเป็นจุดแข็ง มีโอกาสอธิบายมากกว่าคนอื่น 2 เท่า และยังมี 2 กลุ่มยังลังเล โดยเฉพาะกลุ่มที่ระบุว่าประชาธิปไตยมีหลายเฉดสี เรายังสามารถพูดกับเขาได้ ต้องทำอะไรเพื่อชนะใจให้เขาโหวตให้
ขอให้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียง คุ้มค่าเวลาที่ท่านออกมาแน่นอน อย่านอนหลับทับสิทธิ์ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้เดิมพันสูงมาก สุดท้ายถ้าทุกอย่างเห็นภาพขั้วประชาธิปไตยล็อกกันได้แน่น พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมและพรรคไทยสร้างไทย
ขั้วประชาธิปไตยแพ็กกันแน่นมันทะลุ 300 เสียง
ไม่ต้องกลัวโจทย์ผี ส.ว.-376 เสียงโหวตนายกฯ
ซึ่งเป็นโจทย์หลอกทำให้ไม่สามารถแพ็กให้แน่น 280-300 เสียง เซฟพอที่จะสู้กับวิชามารของขั้วตรงข้าม
“หลังเลือกตั้งมันจะเป็นสุญญากาศทางการเมือง ช่วง 60 วัน กว่าจะประกาศ ส.ส. 475 คน ถ้า ยังไม่ถึงก็ยังไม่จำเป็นต้องประกาศว่าเป็น ส.ส.หรือไม่ ทำให้ลากการเจรจาออกไป ทำให้มีเวลาเล่นแร่แปรธาตุเยอะ
คราวนี้ต้องพูดให้ประชาชนเข้าใจว่า ถึงเวลาที่ต้องออกมาใช้สิทธิ เลือกตั้งให้เยอะๆ จนกระทั่งเขาไม่กล้า ขัดประชามติประชาชน ทำให้การเมือง เก่ากลายเป็นกระสุนด้านให้หมด
คนเลือกเยอะถล่มทลายขนาดนี้ ยังกล้าประวิงเวลาเพื่อเจรจาเอากล้วยมาซื้อบางส่วนของพรรคนี้ไป เพื่อให้คะแนนเสียงปริ่มน้ำเป็นฝั่งเขา
หรือใช้ กกต.เปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือให้การเลือกตั้งนอกประเทศจมไปตามมหาสมุทรต่างๆ”
พรรคก้าวไกลแตะแรงๆ ทั้ง 2 ขั้ว หลังการเลือกตั้งมีผลต่อการตั้งรัฐบาลอย่างไร เพราะพรรคก้าวไกลถือไพ่หน้าเดียว จับมือได้เฉพาะขั้วเดิม ต่างกับพรรคเพื่อไทยถือไพ่ 2 หน้าจับมือได้ทุกขั้ว นายพิธา บอกว่า ไม่ได้มองถึงขนาดนั้น มองเฉพาะจับขั้วเดิม รวมถึงพรรคไทยสร้างไทย ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่ถ้ากังวลว่ามันไม่พอ ต้องมีการผสมพันธุ์กันอย่างนี้ ขอบอกผ่านไปยังประชาชน ถ้ากังวลมีการข้ามขั้วผสมกันให้เป็นกระดูกสันหลังในการจัดตั้งรัฐบาล
ต้องเลือกพรรคก้าวไกลให้ถล่มทลาย!!
หากเลือกพรรคก้าวไกลน้อย อาจต้องทำให้เขาไปบีบเลือกพรรคที่ข้ามขั้วผสมพันธุ์ ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย 100%
โค้งสุดท้ายถ้าพูดถึงพรรคก้าวไกลโหวตเตอร์นึกถึงอะไร 5 ข้อ นายพิธา บอกว่า ท็อป 5 เป็นสิ่งที่เห็นตรงกันทั้งรุ่นใหม่ รุ่นใหญ่ ประชาชนจำได้ เห็นด้วย ชอบเยอะ
แน่นอน 1.ปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่แค่ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ต้องลดอำนาจกองทัพ ลดกองทัพพาณิชย์ เสนาพาณิชย์ รีดไขมัน เอางบไปแก้ปัญหาต่างๆ แก้ปัญหาปากท้อง
ทำให้กองทัพสมาร์ทขึ้น ทหารเป็นมืออาชีพ มีงบประมาณไปลงทุนในเทคโนโลยีทางทหารมากขึ้น เพื่อสู้กับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ สมัยนี้การโจมตีทางไซเบอร์มากกว่าสู้รบปรบมือกันด้วยอาวุธ
2.รัฐสวัสดิการ ไม่ใช่ประชานิยม 3.ขึ้นค่าแรง 450 บาทและขึ้นอัตโนมัติทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ 4.ทลายทุนผูกขาด โดยเฉพาะนโยบายสุราก้าวหน้า คนชอบเยอะมาก
และ 5.สูสีระหว่างสมรสเท่าเทียมกับเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เท่ากับกระจายอำนาจ โดยสมรสเท่าเทียมเป็นลายเซ็นของพรรค แค่แก้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เปลี่ยนจาก “สามี-ภรรยา” เป็น “บุคคลกับบุคคล”
พรรคก้าวไกลสร้างความหวังเข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องการปลุกให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง นายพิธา บอกว่า ปกติเกิน 75% กระแสชนะกระสุน
ส่วนในแต่ละเขตที่แพ้นิดเดียวคราวก่อน ผมเก็บข้อมูลไว้หมด และไม่เคยทิ้งพื้นที่คู่แข่งตัวหารขั้วนู้นเยอะ ในพื้นที่เหล่านี้เป็นเขตที่เอาชนะได้
และเป็นตัวตัดสินว่า 4 มุมเมืองปรากฏการณ์สามย่านมิตรทาวน์ทั่วประเทศ จะเลือกไปที่ไหนบ้าง ทั้งหมดทั้งมวลยังเตรียมองคาพยพดาวกระจายลงพื้นที่ที่แพ้ไม่ถึง 5% แล้วจะได้เห็นมีดอกบัวผุดขึ้นเหนือโคลนทั่วประเทศไทยในแต่ละภูมิภาค
รวมถึงพื้นที่ที่คนรุ่นใหม่เยอะที่สุดในประเทศไทย 3 จังหวัดชายแดนใต้ นราธิวาส-ปัตตานี-ยะลา และยังมีกระบี่-สตูล วัยรุ่นก็เยอะ
ภาคใต้ลุยเต็มที่-ถึงเวลาหักเสาไฟฟ้า
ทุกภาคทำให้กระดิ่งในใจดังขึ้นให้ได้
พรรคก้าวไกลมีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเข้าไปเปลี่ยนประเทศ เซ็ตระบบบ้านเมืองใหม่
นายพิธา บอกว่า ใช่ เพราะคำตอบผ่านคูหา ขึ้นอยู่กับเราว่าตั้งคำถามกับการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อต้องการเปลี่ยนอะไร?
เปลี่ยนตัวนายกฯ-อยู่ในระบอบเดิม โครงสร้างแบบเดิม
หรือไม่เอาเหล้าเก่าในขวดใหม่ ต้องการเลือดใหม่เข้าไปเติม
รื้อโครงสร้างทั้งหมด ให้ประเทศพร้อมเผชิญความท้าทาย
เอาแคนดิเดตนายกฯ ที่พร้อมเผชิญความท้าทายใหม่.
ทีมการเมือง