“พิจารณ์” เมิน 2 นักร้องปมบิดาของ “พิธา” ช่วงรัฐประหาร 2549 เดินหน้าต่อไม่หวั่นเกมสกัดขา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชวนประชาชนแสดงพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวบนเวทีปราศรัยเมื่อคืนวันที่ 28 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา บนเวทีปราศรัยการเคหะบางนา กรุงเทพฯ ถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เข้ายื่นร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรณีการให้สัมภาษณ์ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เรื่องการเดินทางมาร่วมงานศพของบิดาในช่วงเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

นายพิจารณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลมาแรง กระแสสูงมากในทุกโพล ทุกการสำรวจ ทุกการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน นักวิชาการ และในระดับประชาชนมีกระแสตอบรับดีในทุกจังหวัดที่มีการหาเสียงของพรรคก้าวไกล จนทำให้ในช่วงเวลาที่เหลือเพียง 2 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้งใหญ่ มีการใช้เกมสกปรก สกัดขา หวังให้พรรคก้าวไกลเสียสมาธิ

“จะว่าเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วก็ใช่ เพราะรู้อยู่ว่าการเมืองมันก็เป็นแบบนี้ และถือเป็นเรื่องปกติว่าผู้ที่เสนอตัวมาเป็นผู้แทนประชาชนจะต้องผ่านการตรวจสอบจากสาธารณชน เราก็มีหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดตามข้อเท็จจริง ซึ่งคุณพิธาได้ชี้แจงไปหมดแล้ว และจะไม่ขอพูดอะไรเรื่องนี้อีก ขอโฟกัสแรงกายแรงใจทั้งหมดไปที่การหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้ง แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ขอร้องทุกท่านว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปโจมตีกัน เพราะคงไม่มีใครอยากให้บิดาตัวเองเสีย และก็ไม่มีใครอยากให้เกิดการรัฐประหารขึ้นมา ที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครอยากให้บิดาตัวเองเสียชีวิตและได้รับความยากลำบากในช่วงการรัฐประหารแน่นอน”

...

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์

นายพิจารณ์ ระบุต่อไปว่า ขอให้พี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่าได้หวั่นไหว ตอนเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เคยโดนการป้ายสีสาดโคลนเล่นข่าวจนกระทั่งถึงการร้องเรียน กกต. เช่นนี้มาแล้ว แต่พวกเราก็ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม พรรคก้าวไกล ยิ่งทุบ ยิ่งหวาน ยิ่งตี ยิ่งโต จากวันนี้จนถึง 14 พฤษภาคม 2566 จะเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อนำเสนอความคิด นำเสนอนโยบายให้ความตั้งใจของเราสื่อสารไปถึงประชาชนมากที่สุด

“วัดกันไปเลยว่าวิธีทำการเมืองแบบที่มุ่งขายวิสัยทัศน์ นโยบาย ชูจุดยืนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา หรือการเมืองน้ำเน่า สกัดแข้งขากันไปมา ตัดอนาคตประเทศ การเมืองแบบไหนที่ประชาชนอยากเห็นมากกว่ากัน”

ทางด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปราศรัยบนเวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ท่ามกลางประชาชนร่วมรับฟังอย่างล้นหลาม หลายคนเดินทางมาจากจังหวัดใกล้เคียงเพื่อมาร่วมเวทีปราศรัย นายพิธา กล่าวว่า เมื่อปี 2562 มากกว่า 20% ของชาวภูเก็ต ให้พรรคอนาคตใหม่มากกว่า 40,000 กว่าคะแนน ส่งให้เรามี ส.ส.ภูเก็ตคนแรกของพรรคก้าวไกลคือ นายรังสิมันต์ โรม ที่แม้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่คือดาวสภาตัวจริง เป็นลูกหลานของคนภูเก็ต

ขณะที่เลือกตั้งครั้งนี้มีเซียนการเมืองกูรูทั้งหลายบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกลจะมี ส.ส.ภาคใต้ แต่ที่มาวันนี้เพื่อหักปากกาเซียนโดยเฉพาะ สาเหตุที่เชื่ออย่างนั้นไม่ใช่เพราะคะแนนที่เคยได้ แต่เพราะคราวนี้คนที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งในภูเก็ตมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ชาวภูเก็ตมีสิทธิโหวต 300,000 กว่าคน ในจำนวนนี้ 150,000 คน มีอายุน้อยกว่าตน ภูเก็ตจึงถือเป็นจังหวัดวัยรุ่น เมื่อนำคะแนนเดิมมารวมกับคะแนนในครั้งนี้ที่คาดว่าเราจะได้ ก้าวไกลจะไม่ชนะได้อย่างไร

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่ต้องเลือกผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต ทั้ง 3 คนของพรรคก้าวไกลเข้าสภาฯ เพราะนายรังสิมันต์ เพียงคนเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีผู้แทนแบบก้าวไกลมากกว่านี้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง อย่างแรกที่ต้องทำคือการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในภูเก็ต จากนั้นต้องทำให้ภูเก็ตมีอนาคต ในอดีตภูเก็ตอยู่ด้วยแร่ดีบุก ต่อมาอยู่ด้วยการท่องเที่ยว แต่เมื่อเกิดโควิด-19 พี่น้องชาวภูเก็ตก็ลำบากกันไปหมด เพราะฉะนั้น จึงต้องการพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่ เพื่อจะมาร่วมมือกันวางแผนอนาคตให้ภูเก็ต สิ่งที่ตนเห็นโอกาสที่ภูเก็ต คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการเปลี่ยนจากทรัพยากร มาเป็นสมองและสองมือของคนภูเก็ต นี่คือโอกาสของคนภูเก็ต

“ขอใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึงทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ส.ส. ที่กำลังหาเสียง อาสาสมัคร ทีมจังหวัด ในโค้งสุดท้ายอย่าไปหวั่นไหวกับการโจมตี ขอให้มั่นใจในตัวแคนดิเดตนายกฯ ตั้งใจทำงานหาเสียงในโค้งสุดท้าย เคาะทุกประตู แจกทุกใบปลิว อย่าไปกังวลคนที่เขาสาดโคลนมา นั่นไม่ทำให้ผมหวั่นไหวหรือเสียสมาธิ เพราะเป้าหมายของผมคือประชาชนทั่วประเทศ เรามาก้าวไปด้วยกัน กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต”