ประธาน กกต.กำชับป้องปรามโกงเลือกตั้ง แต่ที่โคราชคลิปว่อน ตกเขียวล่วงหน้าเขต อ.ประทาย เอาแผ่นพับหาเสียงผู้สมัครแลกเงิน “วิรัช” โบ้ยจัดฉาก สั่งผู้สมัครฯฟ้องแก้เกี้ยว ฟุ้งทองยังไงก็คือทอง ปาหี่ลดค่าไฟฟ้า กกต.ตีกลับ ครม.ไม่ยอมส่งมติขอเบิกงบฯกลาง 1.1 หมื่น ล. พท.ตั้ง “สุรสิทธิ์” จับตาเจ้าหน้าที่รัฐนอกแถว ข้องใจ กกต.พิมพ์บัตรเกินมา 7 ล.ใบ “เศรษฐา” ปลุกคนไทยเทเสียงขอคุมทุกกระทรวง พปชร.เร่งตีปี๊บหลังได้ไฟเขียว จี้ กกต.สอบเงินดิจิทัลเพื่อไทย “ลุงตู่” ลุยหนักโค้งสุดท้ายก่อนเข้าคูหา ไทยรัฐโพลชี้ “พิธา” พลิกขึ้นนำ “อุ๊งอิ๊ง” พท.ยังครองแชมป์ทั้ง ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ไทยรัฐดีเบตเวที 2 ที่ภาคเหนือเชียงใหม่ ถกกันดุปมปัญหา “ฝุ่นพิษ-ยาเสพติด-กระจายอำนาจ”
เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้ง วิชามารการเมืองเริ่มกลับสู่วงจรอุบาทว์เก่าๆ พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ ผอ.กกต.นครราชสีมา เผย เริ่มมีเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ มีการแจกเงินกันในพื้นที่เขต อ.ประทาย จ.นครราชสีมา
กกต.ป้องปรามโกงเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่แสวงหาข้อมูลข่าวสารการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเลือกตั้ง 2566 นายอิทธิพรกล่าวว่า เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือมติ กกต. แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.ในการเลือกตั้ง ขอให้ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำความผิด บันทึกภาพทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวเสียง เพื่อให้การวินิจฉัยเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำ เป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แนะนำว่าการหาข้อมูลในทางลับได้จากผู้ขับวินจักรยานยนต์ พ่อค้าแม้ค้าขายผลไม้ คนขายลูกชิ้นทอด ที่ใกล้ชิดกับคนในพื้นที่
...
ครม.ปาหี่ลดภาระค่าไฟ ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต.ว่า จากกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 เม.ย. เสนอ กกต.ขออนุมัติวงเงินจากงบประมาณกลาง (งบฉุกเฉิน) 11, 112 ล้านบาท ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนหลังสำนักงาน กกต.ตรวจสอบแล้ว พบว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ได้แจ้งมติ ครม.ดังกล่าว ที่เห็นชอบในหลักการขอ กกต.ให้ความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 กำหนด จึงเห็นว่าหนังสือที่ส่งมายังดำเนินการไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และได้ส่งหนังสือดังกล่าวกลับไป จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสือฉบับใหม่จากทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ร้อง กกต.โคราชเริ่มมีตกเขียว
ที่ จ.นครราชสีมา พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ ผอ.กกต.นครราชสีมา กล่าวว่า เตรียมความพร้อมจัดเลือกตั้งทั้ง 16 เขตเรียบร้อยแล้ว วันที่ 9 พ.ค.จะมีการจัด “บิ๊กเดย์” รณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยสื่อบางสำนัก (ช่อง 3) รายงานเหตุมีคลิปวิดีโอในพื้นที่เขต อ.ประทาย มีการแจกเงินกัน แต่เป็นค่าอะไรยังไม่ทราบ จากภาพข่าวปรากฏใบแนะนำตัวผู้สมัครรายหนึ่ง พร้อมเอกสารแผ่นพับนโยบายพรรคการเมืองหนึ่ง สั่งการให้ตรวจสอบและส่งชุดข่าวเคลื่อนที่เร็วออกไปดูแล้ว และประสานกับตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา ตรวจสอบด้วย ต้องขอเวลาหน่อย และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ต้องบอกว่าผู้ที่ปรากฏในภาพยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และเห็นว่าเขาไปดำเนินการแจ้งความแล้ว ส่วนจะมีการให้ใบเหลืองใบแดงหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามระเบียบของ กกต.ด้วย ยืนยันเราดำเนินการตรงไปตรงมา
“วิรัช” โบ้ยจัดฉากสั่งฟ้องแก้เกี้ยว
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่คลิประบุว่าผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา ของพรรคพปชร. แจกเงินและสิ่งของให้แก่ผู้ที่มาฟังการปราศรัยเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ว่า ได้แจ้งผู้สมัคร ส.ส.ให้ไปดำเนินการแจ้งความก่อนจะมีคลิปเผยแพร่ออกมา 1 วัน เพราะทราบว่ามีการจัดฉากถ่ายคลิปเรียกคนมา มีการปิดหน้าปิดตา นําโบรชัวร์มาเหน็บคู่กับเงิน 100 บาท จัดฉากชัดเจน ต้องการให้ถ่ายรูปเพื่อให้เห็นเงินอย่างชัดเจน มีการส่งคลิปไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนี้ต้องรอ กกต.พิจารณาว่าจะเอาอย่างไร แต่ผู้สมัครของเรา 5-6 เขต ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำอะไรได้ เลยต้องหาวิธีเตะตัดขา เราเป็นทองยังไงก็เป็นทองวันยังค่ำ
ตั้ง “สุรสิทธิ์” จับตา จนท.นอกแถว
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง ร่วมแถลงข่าวการแต่งตั้งกลุ่มงานกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง นายชูศักดิ์กล่าวว่า พรรคจัดตั้งศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งขึ้นด้วย 3 ภารกิจหลัก ป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้การเลือกตั้งส่อไปในทางทุจริต จับตาการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่น เป็นไปโดยถูกต้อง วางตนเป็นกลางหรือไม่
ข้องใจพิมพ์บัตรเกินมา 7 ล.ใบ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กกต.ต้องใช้ความระมัดระวังปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องรอบคอบ แต่ที่ผ่านมายังพบความบกพร่องผิดพลาด เช่น การส่งข้อมูลสำหรับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเกิดความผิดพลาด ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจึงส่งหนังสือถึง กกต.เพื่อสอบถามแล้ว และขอให้พรรคการเมืองเข้าไปสังเกตการณ์การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง การจัดส่งบัตรเลือกตั้ง การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าและขอทราบจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. รวมถึงยังมีข้อสังเกตว่ามีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งสูงกว่าความเป็นจริงหรือไม่ เนื่องจากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2566 อยู่ที่ 52,287,045 คน แต่จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 57 ล้านใบ เกินมาเกือบ 5 ล้านใบ และมีการพิมพ์เพิ่มสำรองอีก 5% หรือราว 2.6 ล้านใบ รวมทั้งสิ้น 7.3 ล้านใบ บัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ใช้ต้องมีการตรวจนับว่าครบตามจำนวนที่กำหนดมาหรือไม่ด้วย หากประชาชนมีข้อร้องเรียนพบเห็นการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตการเลือกตั้งสามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาที่พรรคเพื่อไทยได้
แม้จะนอนมาแต่ไม่ยอมทิ้งพื้นที่
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า วันที่ 29-30 เม.ย. พรรคเพื่อไทยเตรียมลุยหาเสียงพื้นที่อีสาน นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และแกนนำพรรคจะไปลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ มหาสารคาม และบุรีรัมย์ และวันที่ 30 เม.ย.จะเริ่มเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.มหาสารคาม ก่อนไปต่อที่ อ.ละหานทราย และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ บุคลากรทุกคนในพรรคทำงานเข้มแข็งและเข้มข้นจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนถึงวันลงคะแนน นี่คือสิ่งที่เราทำในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจ แม้ว่าผลสำรวจจะออกมาว่าพรรคเพื่อไทยได้ที่หนึ่งแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราชะลอ และลดระดับความเข้มข้นการทำงานในพื้นที่ลง
ปลุกเทเสียงขอคุมทุกกระทรวง
ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่สนามกีฬาห้วยขวาง กทม. นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนลำบากกันมาก ค่าแรงขั้นต่ำ 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 300 บาทต้นๆ แต่รายจ่ายพุ่งขึ้นสูงกว่ารายได้ทำงานเท่าไรก็ไม่พอกิน ใช้หนี้ไม่พอ การเป็นผู้นำไร้หัวใจไม่ดูแลประชาชน พรรคเพื่อไทยยอมรับไม่ได้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ประชาชนต้องอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องแบมือขอเงิน แรงงานต้องได้รับค่าตอบแทนเหมาะสม เรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็ถูกด้อยค่า แต่ไม่ต้องห่วงถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลทำได้แน่นอน การถูกกดให้จนแล้วค่อยๆแจกไม่ใช่วิธีพรรคเพื่อไทย หมดแล้วยุคที่ทำงานจนตายไม่มีกิน เรื่องการเดินทางเรามีนโยบายรถไฟฟ้าตลอดสาย 20 บาท คนมีรายได้น้อยขึ้นได้ ไม่ได้เอาใจเฉพาะคนชั้นกลาง ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติดมีหน่วยงานเกี่ยวข้องเต็มไปหมด พรรคเพื่อไทยจะทำเป็นนโยบายระดับชาติ จัดการพ่อค้ายาเด็ดขาด ยึดทรัพย์เร็วที่สุด เราไม่สามารถให้บางกระทรวงไปอยู่ในมือบางพรรคการเมืองได้ เราต้องการทุกกระทรวงให้ทำงานแบบเป็นทีมเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาจริงจัง
พปชร.เร่งตีปี๊บหลังได้ไฟเขียว
ช่วงสาย พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 2/2566 มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการผู้แทนสาขา ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เข้าร่วม ต่อมานายไพบูลย์แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้นำเสนอ 20 นโยบายหาเสียงของพรรค ตามที่ กกต.ให้ความเห็นชอบ แยกเป็น 3 นโยบายลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน อาทิ ลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ลดค่าแก๊ส ส่วน 7 นโยบายเพิ่มเงินในบัญชีให้ประชาชนโดยตรง ได้แก่ บัตรประชารัฐ 700 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทุนการเพาะปลูกเกษตรกร สร้างอาชีพผู้ถือบัตรประชารัฐ 1 ล้านคน ปุ๋ยคนละครึ่ง
จี้ กกต.สอบเงินดิจิทัลเพื่อไทย
นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า กกต.ต้องเร่งตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ตามที่มีผู้ยื่นเรื่องร้องต่อ กกต. ว่าเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (5) หรือไม่ นโยบายดังกล่าวนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หวังใช้เป็นกลยุทธ์หาเสียงมากกว่าเหมือนแนวประชานิยมสุดโต่ง แจกเงินหวังมัดใจคนไทยออกไปเทคะแนนให้ แต่เชื่อว่าจะเกิดผลเสียตามมาในอนาคต เพราะเริ่มต้นก็สอนให้ประชาชนเคยชินแบมือขอจากรัฐ แทนที่จะสอนให้ประชาชนจับปลาได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความมั่นคงของเศรษฐกิจในประเทศ
“ลุงป้อม” ลุยสงขลาขอ พปชร.คว้าชัย
ที่ จ.สงขลา ช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมแกนนำพรรค ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ทั้ง 9 เขต ก่อนขึ้นเวทีได้เข้าสักการะพระพุทธมหัตตมงคล หรือพระนอนองค์ใหญ่ที่วัดมหัตตมังคลาราม หรือวัดหาดใหญ่ใน เพื่อความเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัย จากนั้นเข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาส และรับมอบรูปหล่อหลวงปู่ทวด รับศีลรับพรให้กำลังใจสู้ศึกเลือกตั้ง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้สนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสว่า “พรรคผมดีไหม” ได้รับคำตอบว่า “ดีอยู่ในระดับเมมเบอร์ขอให้สำเร็จ” ท่ามกลางกลุ่มกองเชียร์ที่มารอรับจำนวนมาก ส่งเสียงเชียร์ให้ได้เป็นนายกฯและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
“ลุงตู่” ย้ำยุวชน ปชต.พลังชาติ
ที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แคนดิเดตนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้โอวาทแก่คณะยุวชนประชาธิปไตยที่นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำเข้าเยี่ยมคารวะว่า รัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ไว้ชัดเจน ต้องไม่ก้าวล่วงกัน ทุกคนต้องรู้จักบทบาทสิทธิหน้าที่ของตนตามกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น สิ่งที่เท่าเทียมกันคือการอยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญเดียวกัน รวมถึงการทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมทางด้านโอกาส เยาวชนทุกคนจะเป็นพลังขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชาติบ้านเมือง
ลุยหนักโค้งสุดท้ายก่อนกาบัตร
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางโปรแกรมลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ว่า เป็นช่วงท้ายของการหาเสียงแล้ว ทุกคนต้องมุ่งหวังนำพาพรรคไปสู่ชัยชนะตามกระบวนการประชาธิปไตย ก็ว่ากันไป ขอให้พิจารณาให้ดีในการเดินหน้าประเทศไทย นอกจากประชาชนและประเทศแล้ว ต้องดูบริบทของต่างประเทศและโลกด้วย เราต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเขาหรือไม่ ในการเป็นรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการหาเสียง จ.ตรัง พัทลุง และสงขลา ระหว่างวันที่ 29-30 เม.ย. เมื่อถามถึงความคืบหน้าการขออนุมัติใช้งบกลาง 1.1 หมื่นล้านบาท ช่วยลดค่าไฟฟ้าประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า กกต.ยังไม่ตอบกลับมา ถ้าพูดถึงสภาพอากาศก็ดีขึ้นหน่อยแล้ว เพราะมันเริ่มลดลงแล้ว ส่วนช่วงเดือน เม.ย.มันหนักเพราะอากาศร้อนขึ้นและต้นทุนพลังงานมากขึ้น เราก็ลดไปหลายตัวแล้ว กลุ่มเปราะบางก็มีไปแล้ว
“เอกนัฏ–อัศวิน” เดินช่วยลูกทีม
ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช. พร้อม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรค รทสช. ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค รทสช. เริ่มที่เดินเท้าขอคะแนนเสียงพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดสดปากซอยเพชรเกษม 77 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม จากนั้นไปที่ตลาดสดปากทางเข้าหมู่บ้านเศรษฐกิจ มีกลุ่มกองเชียร์เข้ามาทักทายขอถ่ายรูปพูดคุย พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ขอฝากให้เลือกทั้งพรรคทั้งคนให้เข้าไปทำงานบริหารประเทศต่อ ได้รับการตอบรับจากประชาชนดี ต่างชื่นชอบนโยบายพรรค โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริตและการตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นทั้งหมดขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามถนนเพชรเกษม
“เจ๊หน่อย” ขึ้นเวทีอุบลราชธานี
ที่โรงเรียนเดชอุดม จ.อุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทยจัดเวทีปราศรัยใหญ่ นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย พร้อมนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วยนายสุริยา ขันอาสา ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี หาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ภาคอีสานเป็นภาคที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุด พี่น้องขยันทำมาหากินที่สุด อดทน และซื่อสัตย์ที่สุด แต่กลับยากจนและยังขาดโอกาส เรามีนโยบายทำให้คนตัวเล็ก และโดยเฉพาะภาคอีสาน หายจนหมดหนี้ให้ได้ภายใน 3 ปี บำนาญประชาชน 3,000 บาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ทำให้ GDP โต 5-7 เท่าภายใน 5 ปี
นักร้องรุมกินโต๊ะจับโป๊ะ “พิธา”
ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นร้องเรียน กกต.ให้ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พูดเรื่องเดินทางกลับมางานศพบิดาตนเองไม่ทันช่วงรัฐประหาร 2549 ระหว่างออกทีวี 2 รายการไม่เหมือนกัน นายศรีสุวรรณกล่าวว่า นายพิธาพยายามแต่งเรื่องสร้างความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร ใส่ไฟฝ่ายความมั่นคงหรือทหารว่า ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ดูสงสาร ได้คะแนนความนิยม เป็นข้อห้ามตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส.ห้ามผู้ใดหรือพรรคการเมือง หรือผู้สมัครหาเสียงหลอกลวงและใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจในคะแนนนิยมของพรรคตนเอง ทั้งพรรคของนายพิธามีนโยบายปฏิรูปกองทัพ ทหาร คำพูดต้องการสื่อถึงช่วงรัฐประหารปี 49 หรือไม่ ถ้าผิดมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเว้นวรรคทางการเมือง 20 ปี ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นหลักฐานต่อ กกต.ให้ตรวจสอบกรณีเดียวกัน นายเรืองไกรกล่าวว่า หากนายพิธาตรวจสอบคนอื่นได้ ต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน กกต.ต้องรีบดำเนินการ เรื่องแบบนี้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม
“สงคราม” ไขก๊อก ส.ส.รวย 590 ล.
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรณีพ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.มีทรัพย์สินรวม 590,930,357 บาท เป็นของนายสงคราม 551,497,357 บาท เป็นของนางอรุณลักษณ์ กิจเลิศไพโรจน์ คู่สมรส 39,433,253 บาท มีหนี้สิน 11,001,465 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนร่วม 132 ล้านบาท และเงินให้กู้ยืม 378 ล้านบาท แก่บริษัทลาดพร้าว พลาซ่า จำกัด ขณะที่นายฐานิสร์ เทียนทอง พ้นตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 9 ก.พ.มีทรัพย์สิน 164,036,500 บาท เป็นเงินลงทุน 69 ล้านบาท ที่ดิน 42 แปลงใน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว 82 ล้านบาท
ไทยรัฐโพล “พิธา” พลิกนำ “อุ๊งอิ๊ง”
วันเดียวกัน ไทยรัฐโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นครั้งที่ 3 ประจำเดือน เม.ย. ระหว่างวันที่ 6-20 เม.ย. หัวข้อประชาชนจะเลือกใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จากพรรคใด มีผู้ตอบแบบสอบถามที่นำมาใช้ประมวลผลทั้งสิ้น 14,140 ครั้ง ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ถึง 74.61% มีการศึกษาสูงถึงระดับอุดมศึกษา รายได้เฉลี่ย 10,000-30,000 บาทต่อเดือน พบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล มาอันดับ 1 ที่ 35% น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย 24% นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย 17% พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช. 14% และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร. 1% ตามลำดับ
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร คะแนนลดไปจากเดิมที่ได้ 34% ในการสำรวจเดือน มี.ค. เหลือ 24% ส่วนนายเศรษฐาได้เพิ่มขึ้นจาก 11% เป็น 17% อาจมองได้ว่าเป็นการเกลี่ยคะแนนกันภายในพรรคเพื่อไทย หากรวมแคนดิเดตทั้ง 2 คนจากเพื่อไทยจะได้รวม 41% มากกว่านายพิธาที่ได้ 35% ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ได้คะแนนเพิ่มจากเดิมที่ได้ 9% เป็น 14% ขณะที่ พล.อ.ประวิตรคะแนนลดลงจาก 4% มาเหลือ 1%
พท.ยังครองแชมป์ ส.ส.เยอะสุด
สำหรับผลสำรวจการเลือก ส.ส.เขต พบว่า 41.77% จะกาคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ตามด้วย 34.79% กาให้พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ 12.12% พรรคภูมิใจไทย 3.01% พรรคประชาธิปัตย์ 2.23% และพรรคพลังประชารัฐ 1.64% ตามลำดับ ส่วนการเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับหนึ่ง ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย 40.38% ตามด้วยพรรคก้าวไกล 36.49% พรรครวมไทยสร้างชาติ 12.51% พรรคประชาธิปัตย์ 2.35% พรรคภูมิใจไทย 1.52% และพรรคพลังประชารัฐ 1.34%
ไทยรัฐกรุ๊ปดีเบตแก้ปัญหาเหนือ
เมื่อเวลา 17.30 น. ที่นิมมาน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เชียงใหม่ ไทยรัฐ กรุ๊ป จัดเวทีดีเบต 2566 เลือกตั้งประชันวิสัยทัศน์ แต่ละพรรคการเมืองมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมดีเบตประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติประจำภาคเหนือ นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯพรรคไทยสร้างไทย และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดำเนินรายการโดย น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ มีการตั้งโจทย์ถึงการแก้ปัญหาทั้งพีเอ็ม 2.5 ปัญหาปากท้อง ยาเสพติด บรรยากาศบางช่วงเป็นไปอย่างดุเดือด ตัวแทนของแต่ละพรรคไม่มีใครยอมใคร บางจังหวะก็มีการปะทะคารมกันพอหอมปากหอมคอ
“ปุ่น” เฉ่งนายกฯ “โอ๋” โดดป้อง
น.ส.จอมขวัญเริ่มที่การตั้งโจทย์แก้ปัญหาฝุ่นจิ่ว นายสามารถ แก้วมีชัย ระบุว่า ต้องแก้ทั้งภายในและนอกประเทศ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เสนอให้จัดการกับนายทุนที่ไปปลูกข้าวโพดรอบๆบ้าน ออก พ.ร.บ.อากาศสะอาดข้ามพรมแดน เอาผิดนายทุน และยุติการนำเข้าข้าวโพดข้ามพรมแดน นพ.ชลนาน ศรีแก้ว ระบุว่า ร้อยละ 80 เกิดจากการเผาไหม้ที่มีต้นตอจากข้าวโพดเพื่อลดต้นทุนบริษัทยักษ์ใหญ่เอาข้าวโพดมาเลี้ยงไก่และส่งออกไก่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ระบุว่า งบประมาณดูไฟป่ายังไม่เพียงพอ และวิธีจัดการตอซังข้าวโพดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นายนราพัฒน์ แก้วทอง มองต่างมุมคือส่งเสริมปลูกข้าวโพดภายในประเทศ ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ พร้อมรณรงค์ไม่เผาเท่ากับได้เงิน เอาตอซังไปทำปุ๋ย ผลิตเป็นไฟฟ้า ขณะที่น.ต.ศิธา ทิวารี ระบุว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุนใหญ่ด้วย ตอนนี้มีการลงนามในหลักบีซีจีแล้ว ขอให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมไปบอกแกนนำแต่ละพรรค เชิญบริษัทนายทุนใหญ่มาเจรจา โดยเฉพาะให้นายกฯคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมาบริหารประเทศห่วย ทำให้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แก้ต่างว่า ใครมาบริหารประเทศก็ต้องทำแบบนี้
“มันคือแป้ง” ทำ ก.ก.-พปชร.เดือด
ต่อมาเป็นโจทย์ปัญหายาเสพติด นายหิมาลัย พยายามชี้ให้เห็นว่าทหาร ตำรวจแก้ปัญหานี้เต็มที่ แต่ยังมีทะลักเข้ามาได้ ทางแก้ที่ดีคือสร้างชุมชนเข้มแข็ง สร้างชุมชนสีขาว นายชัยวุฒิระบุว่า ภารกิจที่ทำอยู่กองทหารรู้เลยว่ายังเอาไม่อยู่ ไม่ควรไปตัดงบประมาณกองทัพ อีกส่วนคือกฎหมายอ่อนโทษไม่รุนแรงเหมือนต่างชาติ ทั้งนี้ บรรยากาศเริ่มเข้มข้นเมื่อนายวิโรจน์ให้ความเห็นว่า ถ้าให้ทหารตำรวจทำตามหน้าที่โดยไม่มีมือมืดไปแทรกแซง เชื่อว่าเอาอยู่จัดการได้ วลีมันคือแป้ง ขอถามนายชัยวุฒิเชื่อหรือไม่มันคือแป้งจริงๆ แล้วมันคือแป้งยังเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาล จะแก้ปัญหายาเสพติดได้อย่างไร สำคัญที่สุดกรณี ส.ว.ทรงเอ ทำให้เราแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ยังมีปัญหาถึงการเช่าตึกอีก จับได้เยอะจริง แต่อยู่ในคุก 80% เป็นรายย่อย จะแก้ปัญหานี้ได้ต้องปฏิรูปตำรวจเท่านั้น ด้านนายชัยวุฒิออกตัวว่าเป็นเรื่องเก่า มีแต่วาทกรรมมันคือแป้ง ส.ว.ทรงเอ ทำให้เกิดการปะทะคารมกันอีกเล็กน้อย