เลือกตั้ง 2566 “เต้ มงคลกิตติ์” ลุยหาเสียงสมุทรสงคราม ท้า “ประยุทธ์-ประวิตร-เศรษฐา” ปีนต้นลิ้นจี่ บอก ปีนี้ผลเยอะ เพราะดีใจที่ประเทศได้เปลี่ยนผู้นำ หยอดมุกก่อนกลับ “ดูใบมา 16 ปีแล้วยังไม่กลับ”
วันที่ 20 เม.ย. 2566 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรองหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และรองโฆษกพรรค ลงพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม โดยเข้าสักการะศาลหลักเมืองเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย จากนั้นขึ้นรถปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง ก่อนเดินหาเสียงให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ เพื่อขอคะแนนที่ตลาดแม่กลองและตลาดร่มหุบ เนื่องจากไม่ได้ส่ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใน จ.สมุทรสงคราม โดยมีแฟนคลับเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
จากนั้น นายมงคลกิตติ์ ไปที่ ต.แควอ้อม แหล่งปลูกลิ้นจี่ที่มีชื่อเสียงของ อ.อัมพวา เมื่อเห็นชาวสวนกำลังปีนพะองขึ้นต้นลิ้นจี่เก็บผลผลิต นายมงคลกิตติ์ ก็ขอลองปีนพะองที่ความสูงประมาณ 6 เมตร ขึ้นไปเก็บลิ้นจี่บ้าง เมื่อลงจากต้นลิ้นจี่ก็ถึงกับเหนื่อยหอบ พร้อมพูดว่า ปกติจะไม่เหนื่อยขนาดนี้ เพราะภาระประเทศไม่เยอะ แต่ปัจจุบันภาระประเทศเยอะ เพราะคนเก่าสร้างไว้เยอะ วันนี้ปีนต้นลิ้นจี่เหนื่อยมาก จากการพบชาวสวนลิ้นจี่ เป็นห่วงชาวสวนที่ 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ออกผล เพราะมันเครียดผู้บริหารประเทศ ปีนี้ลิ้นจี่ออกเยอะ เพราะดีใจได้เปลี่ยนผู้บริหารประเทศ
...
พร้อมกันนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังได้ท้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ มาปีนต้นลิ้นจี่แข่งกันก่อนบริหารประเทศ รวมถึงชวน นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย มาปีนต้นลิ้นจี่ด้วย
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อไปว่า ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมของ จ.สมุทรสงคราม เป็นผลไม้ที่ให้ผลผลิตไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทำให้ปัจจุบันชาวสวนมีการโค่นต้นลิ้นจี่จำนวนมากจากหลายหมื่นไร่ เหลือเพียง 5,000 ไร่ ที่เหลือนี้หากให้ผลผลิตดีเช่นในปีนี้ จะมีถึง 5 ตัน คิดราคาลิ้นจี่ต่ำสุดกิโลกรัมละ 120 บาท จะมีรายได้ปีละ 600 ล้านบาท หากตนเข้ามาบริหารประเทศ จะเข้ามาดูแลชาวสวน โดยเฉพาะชาวสวนลิ้นจี่หากปีไหนลิ้นจี่ไม่ให้ผลผลิต ต้องดูแลชาวสวนอย่างน้อย 25% จากมูลค่าลิ้นจี่ที่เคยได้ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ชาวสวนไม่โค่นต้นลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ที่อร่อยขึ้นชื่อจนสูญพันธุ์ไปจาก จ.สมุทรสงคราม ส่วนปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำก็แก้ปัญหาง่ายๆ แค่ใช้มะพร้าวในประเทศ ไม่ต้องนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ ก็ทำให้ราคามะพร้าวขยับขึ้นแล้ว
เมื่อถามความมั่นใจว่า จะได้ ส.ส.เขต มากเท่าไร และเขตไหนมั่นใจมากที่สุด นายมงคลกิตติ์ ตอบว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ส่งผู้สมัคร 35 จังหวัด จึงถือเป็นพรรคขนาดกลางที่สู้ด้วยนโยบายในการซื้อใจประชาชน เน้นลงพื้นที่ จริงใจ ไม่ซื้อเสียง ไม่ดูดไม่ซื้อ ส.ส. และไม่เอา ส.ส.ขายตัว มั่นใจว่าจะได้ไม่น้อยกว่า 7 คน พื้นที่ที่มั่นใจมีทั้งจังหวัดราชบุรี นนทบุรี อ่างทอง นครปฐม ยะลา ปัตตานี และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ ตั้งความหวังว่าจะได้ 2,000,000 คะแนน จะทำให้ได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 7 คนเช่นกัน
“หากผมได้เป็น ส.ส.อีกครั้ง จะเข้าร่วมกับรัฐบาลแน่นอน เพราะต้องเข้ามาทำตามนโยบาย เช่น เงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย เดือนละ 3,000 บาท, เบี้ยผู้สูงอายุ 5,000 บาท, เบี้ยคนจน, เบี้ยคนพิการ, ค่าป่วยการ อสม., อปพร. เดือนละ 3,000 บาท นำเงินมาจากการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษกาสิโน เพื่อนำเงินรายได้มาจัดสวัสดิการรัฐ โดยไม่ต้องมาขูดภาษีกับประชาชน และไม่ต้องกู้เงินเป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก”
ทั้งนี้ แม้ต้องการเป็นรัฐบาล แต่ก็ต้องการจับมือกับพรรคที่ไม่แก้มาตรา 112 และพรรคที่ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนปัญหาเรือดำน้ำ 7,700 ล้านบาท เราไม่จำเป็นต้องเจรจากับจีน เมื่อเราตั้งใจใช้เครื่องยนต์ MTU ของเยอรมนี หากจีนหาไม่ได้ จะเอาเครื่องยนต์สัญชาติจีน โดยที่ไม่เคยใช้กับเรือดำน้ำใดๆ มาก่อน หากตนได้เป็นรัฐบาลจะเสนอให้ยกเลิกสัญญา แล้วขอเงิน 7,700 ล้านบาทคืน และจะเจรจาขอซื้อเรือดำน้ำมือสองจากประเทศต่างๆ ทั้งเยอรมนี จีน อเมริกา รวมๆ กันไม่น่าถึง 1,000 ล้านบาท นำเงินที่เหลือ 6,000 ล้านบาท มาดูแลประชาชนจะดีกว่า
ในส่วนของ จ.สมุทรสงคราม พรรคไทยศรีวิไลย์ไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จึงขอให้ชาวสมุทรสงคราม เลือกเบอร์พรรค ส่วน ส.ส.เขต จะเลือกใครก็ได้ แต่ต้องเลือก ส.ส.ที่ซื่อสัตย์สุจริต อย่าเลือก ส.ส.ที่ปากบอกซื่อสัตย์สุจริต แต่ขายตัวและเนรคุณผู้มีพระคุณ อย่างไรก็ตาม นายมงคลกิตติ์ ยังได้หยอดมุกตลกถือใบลิ้นจี่แล้วมอง พร้อมพูดว่า “นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ดูใบมา 16 ปีแล้ว ยังไม่กลับมาซะที กลับมาเมื่อไรจะไปรับ” แล้วก็เดินทางกลับทันที.