รัฐบาลติดตามสถานการณ์ปะทะในซูดานใกล้ชิด แนะคนไทยลงทะเบียนเตรียมอพยพ วอนระมัดระวังอย่างสูง หลีกเลี่ยงพื้นที่ปะทะ กักตุนอาหารให้เพียงพอ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยวันนี้ (20 เมษายน 2566) ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน นับตั้งแต่เช้าวันที่ 15 เมษายน 2566 เป็นต้นมา รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งประสานให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นในส่วนของปัจจัยยังชีพ ขอให้คนไทยและนักเรียน-นักศึกษาไทยที่พำนักอยู่ในซูดานเพิ่มความระมัดระวังตัวอย่างสูง หลีกเลี่ยงพื้นที่มีการปะทะกัน รวมทั้งแนะนำให้กักตุนอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอหากสถานการณ์มีความยืดเยื้อ พร้อมทั้งขอให้ติดตามสถานการณ์ข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำและกฎหมายของทางการซูดาน
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุด ยังไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบ ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยพำนักอยู่ในซูดานประมาณ 300 คน เป็นนักเรียนไทยมุสลิมประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่ศึกษาอยู่ที่ International University of Africa ในกรุงคาร์ทูม ส่วนที่เหลือเป็นคนไทยที่ทำงานหรือสมรสกับชาวซูดาน
...
สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้น กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดหาปัจจัยยังชีพแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ โดยในบ่ายวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุมเพื่อเตรียมแผนการอพยพ และพิจารณารูปแบบการให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมร่วมกันต่อไปอย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการอพยพ เนื่องจากท่าอากาศยานยังไม่สามารถใช้การได้ และยังมีความเสี่ยงสูงในการเดินทางภายในประเทศ และหากมีพัฒนาการในเรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร จะแจ้งให้ทราบในโอกาสแรกต่อไป โดยคนไทยในซูดานสามารถลงทะเบียนข้อมูลเพื่อเตรียมอพยพและให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน (คลิกลงทะเบียน)
รองโฆษกรัฐบาล ระบุในช่วงท้ายว่า รัฐบาลห่วงใยคนไทยและได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากประสงค์รับความช่วยเหลือก็พร้อมดำเนินการทันที สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่หมายเลขฉุกเฉิน +201 0194-01243 หรืออีเมล consular.cai@mfa.go.th หรือหมายเลขฉุกเฉินสำหรับการติดตามให้ความช่วยเหลือคนไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสาธารณรัฐซูดาน 096-352-0513, 096-165-7120, 096-352-9015 รวมถึงติดตามข่าวสารได้จากเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, Cairo