หัวหน้าพรรคและตัวแทนจาก 10 พรรคการเมือง ตอบนโยบายเกี่ยวกับเงิน เหตุใดบางพรรคแจก-ไม่แจก ส่วนใหญ่ชี้ มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไทยรัฐดีเบต เลือกตั้ง 66 เริ่มใหม่ไทยแลนด์กับไทยรัฐ
วันที่ 18 เม.ย. 2566 ไทยรัฐดีเบต “เลือกตั้ง 66 #เริ่มใหม่ไทยแลนด์ กับไทยรัฐ” ดำเนินรายการโดย จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ เข้าสู่ช่วงคำถามเกี่ยวกับนโยบายที่มีตัวเลขการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มจากกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป้าหมายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยคือการสร้างเศรษฐกิจและรายได้ให้คนทุกกลุ่ม สิ่งสำคัญในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ตัวชี้วัดสำคัญที่เปรียบเทียบอาเซียนเราด้อยกว่าในเชิงเศรษฐกิจทั้งหมด ต้องรีบกระตุ้นขึ้นมา ซึ่งรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ต้องกระตุ้นให้ประชาชนแข็งแรงก่อน ไม่ใช่การแจกเงิน แต่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วย 10,000 บาท ด้วยการให้กับทุกคน
นายจุติ ไกรฤกษ์ ผู้แทนพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงนโยบาย 1,000 บาท คูณ 12 เดือน ว่า เป็นเรื่องความยากลำบากของประชาชน จะแจกเฉพาะคนมีรายได้น้อยที่ยากลำบากจริงๆ สิ่งที่ให้คือเพื่อให้อยู่รอด ช่วยค่าครองชีพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดแล้วว่าไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงจำเป็นต้องปรับช่วยคนจน 14 ล้านคน ไม่ใช่ว่าใครให้เงินมากกว่าชนะเลือกตั้ง
...
ทางด้าน นโยบายพรรคพลังประชารัฐ เรื่อง บัตรประรัฐ 700 บาท นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงว่า เป็ยการช่วยผู้มีรายได้น้อย จาก 300 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท มีความเป็นไปได้ บวกกับการลดค่าครองชีพ ไม่เก็บภาษี ที่จริงอยากให้มากที่สุด แต่งบประมาณประเทศมีข้อจำกัด ต้องทำให้ไม่กระทบภาระการเงินการคลัง
ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุถึงนโยบายบำนาญประชาชน ที่จะดูแลคนตั้งแต่เกิดจนแก่ โดยให้พร้อมหน้าที่ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง แก้ปัญหาผู้สูงวัยได้อย่างยั่งยืน การให้ 3,000 บาทต่อเดือน ปีละ 36,000 บาท จะควบคู่กับมีศูนย์สร้างสุขภาพชุมชน เมื่อผู้สูงวัยแข็งแรงจะลดค่ารักษาสุขภาพได้ถึงปีละ 100,000 ล้านบาท เมื่อกลับมาทำงานได้ รัฐจะเก็บภาษีได้ 3.5 -3.7 แสนล้านล้านบาท ใน 5 ปี กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำ ยืนยันว่าโครงการนี้คิด ครบ รอบคอบ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุด
ส่วนพรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงนโยบาย 3,000 บาทต่อเดือน ให้ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอมาตั้งแต่ปี 2562 แต่ทั้งนี้ มีความข้องใจถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้ชี้แจงนโยบายเกี่ยวกับงบประมาณ คิดว่า กกต. คิดไม่เป็น เพราะการที่พรรคการเมืองจัดทำนโยบายทำไมจะทำไม่ได้ ส่วนที่ให้กับผู้อายุ 65 ปีขึ้นไป เพราะต้องการให้ข้าราชการเกษียณ 65 ปี ถามว่าเอาเงินมาจากไหน ถ้าประหยัดและปราบคอร์รัปชัน เงินเหลือแน่นอน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เผยถึงนโยบายที่แบ่งเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยระยะสั้นจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ต้องตอบโจทย์ ตรงจุด รวดเร็ว งบประมาณปีที่ผ่านมาเหลือ 2 แสนล้านบาท ต้องเอามาใช้ให้ตรงที่ และทำให้ได้ใน 100 วัน ซึ่งเรื่องเฉพาะหน้าอาจมีเงื่อนไข คือต้องผ่อนหนักเป็นเบาให้ประชาชน ระยะกลาง คือ ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาท ค่าไฟลดลง 70 สตางต์ทันที ส่วนระยะยาว เบี้ยผู้สูงวัย 3,000 บาทต่อเดือน เชื่อว่าประเทศไทยมีเงินจ่าย หากรีดไขมันจากองค์กร จากกองทัพ เก็บภาษีใหม่ รวมไปถึงหวยบนดิน
ขณะเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา บอกว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่เน้นเอาเงินให้ประชาชนโดยตรง ทุกบาทที่รัฐบาลใช้ไปต้องได้กลับคืนมา นโยบายของพรรคส่วนใหญ่เน้นการให้ไปแล้วได้กลับคืน เช่น สุขภาพดีมีเงินคืน ถ้าปีหนึ่งประชาชนคนนั้นๆ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย จะให้คืน ยกเว้นคนพิการซึ่งเป็นกลุ่มที่เราต้องซัพพอร์ตเป็นพิเศษและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้แทนพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าเห็นด้วยที่จะไม่เอาเงินภาษีประชาชนไปหว่าน แต่ต้องเติมทักษะให้ประชาชนมีโอกาสมากกว่า ปัญหาหนักของประชาชนคือหนี้สิน 11.6 ล้านครัวเรือน จึงออกนโยบายพักหนี้ 3 ปีไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล ทุกคนเดือดร้อนกันหมดจากโควิด-19 อีกทั้งเชื่อว่าวินัยการเงินการคลังยังสำคัญจำเป็น
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ไม่เน้นแจก แต่เน้นสร้าง สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ อัดเงินเข้าระบบ ไม่ได้กู้เงิน หรือเก็บภาษีเพิ่ม ใช้เงินที่มีอยู่มาบริหารจัดการ อัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านเข้าระบบ แจกเบ็ด ไม่ใช่แจกปลา
ทางด้าน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า มองว่า ถ้ารัฐบาลคือ CEO ประชาชนคือผู้ถือหุ้น เราต้องระวังการใช้จ่ายเพราะจะเป็นภาระในวันข้างหน้า จึงเน้นนโยบายสร้างงาน และนโยบายเศรษฐกิจเฉดสี จะเป็นความยั่งยืน ไม่กระเทือนการเงินการคลังประเทศ และการลดค่าใช้จ่ายได้