นายกฯ แจง ปมเครื่องยนต์เรือดำน้ำ อยู่ขั้นตอนเจรจาจีน ย้ำ มีความจำเป็นเพื่อป้องกันประเทศ ย้ำ ไทยไม่ใช่มหาอำนาจ แต่เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ ทั้งพื้นที่ทางบก ทางทะเล โดยเฉพาะชายแดนที่เขตติดต่อหลายประเทศ
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 18 เม.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีโครงการจัดหาเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์จะมีการแก้ไขอย่างไร ว่า ได้ให้แนวทางปฏิบัติไปแล้ว ทุกอย่างเป็นสัญญาระหว่างกันว่าจะต้องใช้อะไร ในเมื่อไม่ได้มา เพราะมีปัญหาระหว่างกัน เขาก็ไม่ส่งเครื่องให้ ก็ต้องไปดูว่า จะมีอะไรมาทดแทนได้หรือไม่
"เราต้องยอมรับว่า มันมีความสำคัญ หลายคนออกมาพูดว่า ไม่มีความสำคัญ ไม่ต้องมีทหารก็ได้ ก็ลองคิดดูแล้วกัน สิ่งที่ผมพูดไป ชายแดนต้องใช้กำลังทหารหรือไม่ ถ้าเราไม่มีกำลังที่เพียงพอ ไม่มีอะไรที่ทันสมัยแล้วจะทำอย่างไร ทั้งพื้นที่ทางบก ทางทะเล มันมีปัญหาหมด เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ การเจรจา การพูดคุย เพื่อให้ได้อะไรที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งตั้งแต่ทำสัญญา เราได้ส่งทหารเข้าไปศึกษา ไปเรียนรู้การประกอบเรือตั้งแต่ต้น มาเป็นปีๆ ซึ่งวันนี้ติดเรื่องเครื่องยนต์เรื่องเดียว" นายกฯ กล่าว...
เมื่อถามว่า จะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องฟังเขาก่อนและหารือกันตรงนี้ ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร จะเอาเครื่องยนต์ที่ไหนมา จะมีมาตรฐานหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องสัญญาที่มีระหว่างกัน ซึ่งทางจีนเขาพร้อมที่จะพูดคุยในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คุยกันแล้ว ในช่วงเอเปกก็คุยกันหลายเรื่องและคุยกับผู้นำทุกประเทศ เพราะเราต้องสร้างความสมดุลให้ได้ ทุกคนต้องเข้าใจว่าประเทศไทยไม่ได้มีศักยภาพอะไร ทั้งเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังทางทหาร เราไม่ใช่มหาอำนาจ แต่เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้ ทั้งพื้นที่ทางบก ทางทะเล โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนที่มีเขตติดต่อกับหลายประเทศ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีกำลังทหารที่เพียงพอ
...