"แพทองธาร" ปักธง ต้องได้ตั้งรัฐบาล ดันนโยบายฟื้นเศรษฐกิจ "เติมรายได้ทุกครอบครัวให้ถึง 20,000 บาทต่อเดือน" ยกเครื่องเศรษฐกิจใหม่ ดันประเทศไทยเป็น Blockchain Hub แห่งอาเซียน ย้ำ แลนด์สไลด์
วันที่ 5 เม.ย. 2566 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีงาน "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ONE TEAM FOR ALL THAIS : หนึ่งทีม เพื่อไทยทุกคน" เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน จากพรรคเพื่อไทย พร้อมลงรายละเอียดนโยบาย และย้ำหมายเลข 29 ของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยแคนดิเดตอีก 2 ท่านเป็นไปตามที่พรรคเพื่อไทยได้ส่งสัญญาณตลอดมา คือ นายเศรษฐา ทวีสิน และ นายชัยเกษม นิติสิริ
น.ส.แพทองธาร กล่าวบนเวทีเริ่มต้นการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ย้ำเบอร์พรรคเพื่อไทย คือเบอร์ 29 และย้ำจุดยืนแลนด์สไลด์ เลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลายชนะเสียง ส.ว. เพื่อส่งแคนดิเดต 1 ใน 3 ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ภายใต้การบริหารงานร่วมกันเป็นทีม และนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะทวงคืนประชาธิปไตยและสร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชนทุกคน
...
โดย น.ส.แพทองธาร ได้ลงรายละเอียดนโยบายด้านนวัตกรรมและความเป็นอยู่ไว้ 4 เรื่อง ได้แก่ เทคโนโลยี Blockchain, 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ (Soft Power), เติมรายได้ให้ครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาท ให้ครบ 20,000 บาท และนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
เรื่องที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทย จะนำเทคโนโลยีการเงินอย่าง Blockchain ที่มีความคล้ายอินเmอร์เน็ตมาใช้เป็นเครื่องมือในกระจายสินค้าคนไทยไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร งานฝีมือ และธุรกิจขนาดย่อย ให้เงินจากทั่วโลกไหลเข้า ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ของคนไทย ที่รัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยจะมอบให้ประชาชนทุกคนที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป พร้อมเงินติดกระเป๋าไว้ใช้เบื้องต้นในระยะสั้น จำนวน 10,000 บาท สำหรับใช้จ่ายใกล้บ้านระยะทาง 4 กิโลเมตร ภายในเวลา 6 เดือน ก่อนเงินจากตลาดโลกจะไหลเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลในระยะยาว
ตอกย้ำจุดยืนที่พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือ Fintech ของอาเซียน เพราะในโลกยุคใหม่การเงินไม่จำเป็นต้องอาศัยธนาคารขนาดใหญ่อีกต้องไป เราจึงต้องรู้เท่าทันและก้าวไปข้างหน้าก่อนใคร
เรื่องที่สอง น.ส.แพทองธาร ย้ำนโยบาย "Soft Power" จากการยกตัวอย่างความสำเร็จในการผลักดัน Soft Power ของเกาหลีใต้ ให้เห็นว่าหากเปรียบกับประเทศไทยแล้วก็มีศักยภาพที่ไม่แพ้กัน เพียงแต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เปรียบเป็นเพชรที่รอการเจียระไน โดยนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power (One Family One Soft Power : OFOS) ของพรรคเพื่อไทย จะเข้าไปค้นหาเพชรจากทุกครอบครัว โดยเปิดกว้างให้ทุกความสามารถได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะทุกแขนง เพื่อสร้างรายได้ให้ได้อย่างน้อย 20,000 บาท/เดือน/คน พร้อมโครงการที่จะส่งเสริมให้กลุ่มคนที่มีทักษะได้ไปไกลระดับโลก เช่น โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก มวยไทยสู่มวยโลก ศิลป์ไทยประทับใจโลก
เรื่องที่สาม นโยบายระยะสั้นเพื่อรอการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้มั่นคงในระยะยาว พรรคเพื่อไทย จะสำรวจรายได้ทุกครัวเรือนให้อยู่ในมาตรฐานรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือน หากครอบครัวไหนมีน้อยกว่า 20,000 บาท/เดือน เราจะเติมให้ครบ 20,000 บาททันที เพื่อลดช่องว่างระหว่างรายได้ ไม่ต้องมีใครต้องทนทุกข์อยู่กับความยากจนอีก
เรื่องที่สี่ น.ส.แพทองธาร ย้ำ เรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เป็น 600 บาท/วัน และเงินเดือนสำหรับวุฒิปริญญาตรีและข้าราชการเริ่มต้น 25,000 บาท ที่จะเป็นผลจากนโยบายการกระตุ้นจีดีพีของพรรคเพื่อไทยให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 5% โดยเห็นผลได้ทันทีในปี 2567 หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ค่าแรงขั้นต่ำจะเริ่มทยอยปรับขึ้นเป็น 400 บาท/วัน แน่นอน
น.ส.แพทองธาร ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ขอฝากให้ประชาชนร่วมกันโหวตเพื่อไทยอย่างมียุทธศาสตร์ ให้แลนด์สไลด์ จะได้ร่วมกันสร้างประเทศไทย และคนไทย ให้มั่งคั่งมีความสุขกันทั่วหน้า วันที่ 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 และเลือก ส.ส.เพื่อไทย ตามเขตที่ท่านมีภูมิลำเนา.