“ตัวตึง” ไม่พลาด มาตามนัด จัดเต็มสไตล์ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” จอมแฉแห่งชาติ ถือไม้กวาดโชว์ทำความสะอาดถนน แย่งงานคนเก็บขยะ กทม. เป้าหลักอยู่ที่การตามเบิ้ลบลัฟยี่ห้อ “เซราะกราว” ราวีคู่กัดคือค่ายภูมิใจไทย
กระตุ้นอารมณ์คึกคัก เร้าดีกรีความมัน สีสันของศึกเดิมพัน “ปาร์ตี้ลิสต์” บรรยากาศการสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไฮไลต์ของเกมเลือกตั้งใหญ่ ลุ้นสู้เป็นทีม เร้าอกเร้าใจกว่าการดวลแบบเดี่ยวๆในเขตเลือกตั้ง
อย่างที่เห็นลุ้นกัน “ฉี่เหนียว” ตั้งแต่แย่งกันกระโดดขึ้นเกาะ “เซฟโซน” ในบัญชีพรรค เบียดเข้าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หนีตายจากลำดับที่ไม่ได้ลุ้น ส.ส.
สารพัดยี่ห้อ 49 พรรค แต่ถ้าไม่โกหกตัวเองก็หวังได้จริงๆแค่ 7–8 ค่ายเท่านั้น
ในสถานการณ์ที่กระแสความนิยมล้อไปกับตัวเลขโพลมาตรฐาน โพลรับจ้าง
แห่โฟกัสที่ชื่อคุ้นๆ พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 7 พรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 14 พรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18 พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 พรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 25 พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 พรรคเพื่อไทย เบอร์ 29 พรรคก้าวไกล เบอร์ 31 พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 32 พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37
แค่ทีมเซราะกราวที่มือดี ได้เลขตัวเดียว
พรรคใหญ่ เต็งหาม เต็งรอง ได้เบอร์ 2 หลัก กองเชียร์เซ็งเฮไม่ดังเท่าไหร่
ลำบากพ่อยก แม่ยก ต้องจำกันให้ดี ก่อนเข้าคูหา
ธรรมชาติการเลือกตั้งแบบไทยๆเบอร์สำคัญต่อการจำ มีผลทำให้การหาเสียงยากหรือง่าย
แต่มันก็แค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะปัจจุบันเป็นยุคโซเชียลฯ ง่ายต่อการกระจายข่าวสาร จุดสำคัญยังมีอีกหลายปัจจัยในการดึงคะแนนนิยมจากประชาชน จูงใจให้คนกาบัตรเลือกเป็นผู้แทนฯ
...
อยู่ที่แผนการหาเสียงอีก 40 กว่าวันจากนี้ไป
โดยเฉพาะเวทีประชันวิสัยทัศน์ วัดกึ๋นเชิงบริหารของผู้ท้าชิงเก้าอี้ผู้นำประเทศ
นี่คือจุดที่จะทำให้คะแนนดีดขึ้นหรือร่วงลงได้ แบบที่เห็นเริ่มกันตั้งแต่หลังการรับสมัครส.ส.เขตเลือกตั้ง เวทีแรกของเสือปืนไว พิธีกรดังอย่าง “สรยุทธ สุทัศนจินดา” จัดประชัน “ตัวเต็ง” ดึงมากันครบ ทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

“ดร.อุต” นายอุตตม สาวนายน ประธานยุทธศาสตร์นโยบายพรรคพลังประชารัฐ
“เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า
ดวลกันแบบโจทย์ต่อโจทย์ คำถามสดๆวัดข้อสอบ
ที่แน่ๆรายการนี้ขาด “พระเอก 2 ป.” ไม่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม แคนดิเดตนายกฯในบัญชีพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เลี่ยงสนามประชันวิสัยทัศน์
น่าจะเพราะสันทัดแค่การสื่อสารทางเดียว เลี่ยงอาการนอตหลุดง่าย
สไตล์ “บิ๊กตู่” ชอบลุยเดี่ยว คุยกับหมากับแมวมากกว่าโต้วาทีเป็นหมู่กับใคร
แนวเดียวกัน แต่คนละอารมณ์กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่ายพลังประชารัฐ ที่แสดงเจตจำนงล่วงหน้า ประกาศชัดๆไม่ขอขึ้นเวทีดีเบตกับใคร
แต่ “บิ๊กบราเธอร์” เด้งเชือกตีกรรเชียงถอย แบบมียุทธศาสตร์ ด้วยการมอบธงให้ “มวยเชิง” อย่าง “ดร.อุตตม” ขึ้นเวทีดีเบต แข่งประชันวิสัยทัศน์แทนหัวหน้าพรรค
เดินหมากประคองแต้มหน้าฉาก เลี่ยงโดนน็อกคาจอ
แบบที่เห็นสนามแรกประเดิมเกมท้าทาย “ดร.อุตตม” เจอพิธีกรคนดังเล่นบทดุดัน ไล่บี้ไล่ต้อน ประเคนคำถามยากๆย้ำจุดบอด บี้ปมด้อยทีมแห่ “บิ๊กบราเธอร์”
ประชันกับมวยฟอร์มสดทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” และ “พิธา” ขวัญใจมหาชน
ในฐานะมวยแทนหัวหน้าค่าย “ดร.อุตตม” ก็นิ่งพอ ไม่โฉ่งฉ่างตามลูกยั่ว ไล่ต้อนไม่จนกระดาน
ไม่เสียทรงเสียอาการ โดยเฉพาะการโชว์เชิงบริหารเศรษฐกิจตามนโยบายหาเสียง ที่อดีตขุนคลังอาศัยความได้เปรียบของ “ฝ่ายปฏิบัติ” ที่ผ่านการบริหารรัฐบาลพลังประชารัฐ ตอบแบบได้เนื้อได้หนัง
อุด “จุดบอด” พลังประชารัฐไม่เสียเชิงเวทีดีเบต
“อุตตม” เชิงสูง สะท้อนความเขี้ยวของ “ทหารเฒ่า” ที่วางขุนศึก เดินเกมรบได้ตรงกับภารกิจ
เลี่ยงปะทะ ไม่ “เสี่ยงตาย” คาชัยภูมิที่ตกเป็นรอง.
ทีมข่าวการเมือง