"พล.อ.ประยุทธ์" เปิดใจครั้งแรก ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ เหตุผลขอ "ทำต่อ" แม้จะอยู่อีกแค่ 2 ปี บอกให้ประชาชนตัดสิน จากสิ่งที่ทำมา

วันที่ 4 เมษายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" โดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 วันนี้เป็นการเปิดใจครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เตรียมลงสู้ศึกเลือกตั้ง’66 พร้อมนโยบาย ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ

เมื่อถามว่า ในการทำงานตำแหน่งนายกฯ ที่ผ่านมา กับ นโยบาย "ทำแล้ว" และ "ทำอยู่" มีสิ่งไหนที่อยากให้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจในสิ่งเหล่านี้บ้าง พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า สิ่งที่อยากบอก "ทำแล้ว" ก็อยากขอความเป็นธรรม ประชาชนอาจเห็นด้วยสายตา ใช้ประโยชน์ในสิ่งที่ได้ทำไว้ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน ขนส่งคมนาคม ทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ทั้งหมดที่ทำไว้ 

อย่างที่สองคือ การพัฒนาในเรื่องของดิจิทัล การให้บริการของภาครัฐ ปรับระเบียบราชการให้รวดเร็วขึ้น แต่บางอย่างต้องทำต่อจากสิ่งที่ทำแล้ว อย่างถนน เราทำเส้นหลักแล้ว อาจต้องทำการเชื่อมโยงเส้นทางไปยังพื้นที่อื่นๆ อีก ภาคต่อภาค จังหวัดต่อจังหวัด เพราะเส้นทางเป็นจุดในการพัฒนา การเข้าถึงโอกาส 

และยังมีอีกหลายเรื่อง อย่างการจัดการน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง ก็ต้องทำต่อ ยังไม่จบ ทุกเรื่องที่ทำ ต้องเป็นแบบนี้ แต่หลายอย่างก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันจำเป็นต้องทำต่อ เพราะเราต้องดูแลคนทั้งประเทศ ต้องร่วมมือไปด้วยกัน เพื่อให้คนมีรายได้น้อยเข้าถึงโอกาสเหล่านั้น ซึ่งเราก็จะได้มีการสนับสนุนเทคโนโลยี การจะทำอย่างไรให้รายได้เขาสูงขึ้น 

...



ถ้ามองในแง่ของเศรษฐกิจ การคมนาคม เรื่องน้ำ หรือเกษตรกร ปัญหาไหนที่น่าห่วงที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ทั้งหมด เพราะเหล่านี้เป็นเรื่องของโครงสร้าง เมื่อทำโครงสร้างเสร็จ ก็ต้องมีคนได้ประโยชน์จากโครงสร้างเหล่านี้ เพราะเรามีทั้งคนรายได้สูง รายได้ปานกลาง และรายได้น้อย ซึ่งเราต้องดูแลคนรายได้น้อยเป็นพิเศษ 

อีกเรื่องที่เราต้องทำต่อมากที่สุด คือ เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่เราได้มีการขับเคลื่อนบนเวทีหลายประเทศ และเราก็เริ่มต้นไปแล้วหลายอย่าง ดังนั้นเราต้องทำต่อ ซึ่งโลกของเรา เป็นโลกของความวุ่นวาย ความไม่แน่นอน ความผันผวน ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ ประชาชน ฯลฯ ทั้งหมดพลิกได้ตลอดเวลา เราต้องเตรียมความพร้อม และร่วมกันทำ

"ผมถึงบอกว่า ถ้าผมทำประโยชน์ให้ประเทศได้ ถึงแม้จะสองปี ผมก็จะทำให้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนว่า เขาจะยอมรับเราหรือเปล่า ขอความเป็นธรรมนิดนึง กลับไปย้อนดูว่า ผมทำอะไรไปแล้วบ้าง ผมไม่อยากไปคุยโวโอ้อวด ให้ทุกคน แหม นายกฯ เก่งกาจสามารถ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ผมอยากให้ทุกคนเอาตาดู เอาความรู้สึกได้ใช้ในสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำมาให้ แต่ผมทำ ไม่ได้ทำคนเดียว ใครว่าอะไรผมฟังหมด แล้วเอามาประมวล มาบอกว่าผมไม่ฟังใครไม่ได้ ซึ่งเสียงที่สำคัญที่สุดคือ เสียงประชาชน ถ้าไม่ผ่านก็ทำไม่ได้ ซึ่งผมไม่ได้ไปกดดันใครเลย ที่สร้างมาทั้งหมด 8 ปี ผมไม่ได้บังคับใคร นั่นคือประชาธิปไตย ใช่ไหมล่ะ จะบอกว่าผมใช้อำนาจอย่างเดียวไม่ใช่ ผมไม่เคยคิดว่าผมมีอำนาจ อยู่ที่ความร่วมมือทั้งนั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว



เมื่อถามว่า ได้อ่านพวกโซเชียลคอมเมนต์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอก ก็เพราะอ่าน เลยทำให้เครียด ทำให้รู้สึกว่า ที่เราทำมันไม่ดีหรือไง และต้องกลับมาทบทวนว่า ดีหรือยัง ต้องแก้อะไรไหม บกพร่องตรงไหน และนำมาถ่ายทอดให้คณะทำงาน บางอย่างทำได้ เราก็เร่งทำ นี่คือหลักการของผม

ที่ผ่านมาเสียกำลังใจไหม พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ถ้าเสียกำลังใจ คงเลิกไปนานแล้ว ประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ ผมเป็นทหารมาเกือบทั้งชีวิต 

ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในเรื่องของการทำต่อ หากเป็นนายกฯ ได้อีก 2 ปี จะบอกกับประชาชนได้อย่างไรว่า จะทำได้สำเร็จหรือไม่ และอีก 2 ปี ในวาระของสภาชุดหน้าจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า ก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เราก็เคารพในหลักการ แต่เมื่อนึกย้อนกลับมาว่า ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งมีเวลาอีก 2 ปี ผมคิดว่าน่าจะพอกับในสิ่งที่ยังไม่จบ สิ่งที่ต้องแก้ รวมถึงในเรื่องการปรับโครงสร้างฐานราก ไม่ให้มีหนี้สิน แต่ยังมีในสิ่งที่ปรับอยู่เกี่ยวกับกติกา กฎหมาย ฯลฯ ซึ่งต้องปรับให้ไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลก 

วันนี้ถ้าเราจะทำอะไรให้คนมีรายได้น้อย เราต้องทำให้ประเทศมีรายได้สูงกว่าเดิม เราก็ต้องดูว่า จะเดินหน้าเชิงรุกอย่างไร ใน 2 ปีที่เหลืออยู่ของตน วันนี้เราสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา 12 อย่าง 5 อย่างเดิม 7 อย่างใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องการของลงทุน อาทิ EV, อิเล็กทรอนิกส์, ดิจิทัล, EEC ฯลฯ อีกทั้งเราเน้นในเรื่องของการวิจัย และพัฒนา เราเดินหน้าไปไกลมาก วันนี้ก็มีการพูดถึงเรื่องดาวเทียม อวกาศ ในการร่วมมือกับหลายประเทศ ถ้ามันสำเร็จ จะมีรายได้เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย ถ้าไม่ทำต่อมันก็ไม่จบ ในวาระ 2 ปีที่มีอยู่ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ หรือคนใหม่ที่จะเข้ามาบริหาร ซึ่งประเทศไทยที่เดินได้อยู่ตอนนี้ ก็เพราะยุทธศาสตร์ของเรา

ในส่วนของประชาชน เราเห็นว่ารายได้เขาน้อย เราก็ไปดูเรื่องบ้าน ที่อยู่อาศัย สวัสดิการ และไปดูว่าอะไรทำให้เศรษฐกิจฐานรากมันดีขึ้น เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่น รวมถึงการแก้หนี้สินครัวเรือนอย่างถูกวิธี ทำให้มีรายได้ที่มากขึ้น เราต้องเน้น GDP ประเทศ รวมถึง GDP รายหัวด้วย ภาคไหนอ่อน ภาคไหนแข็งแรง เราก็ดึงศักยภาพเขาขึ้นมา 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อยากจะสานต่อ คือ ความสัมพันธ์กับกลุ่ม ECC ผมก็เห็นว่าเริ่มมาแล้ว อย่างซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญในกลุ่มประเทศเหล่านั้น แต่เราก็ดูหมด ไม่ว่าจะเป็นประเทศตลาดเก่า หรือตลาดใหม่ เราต้องหาสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่คุยกับเขาได้ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่ขายอย่างเดียว ดังนั้น เราต้องสร้างตลาดให้มากกว่าเดิม สร้างสินค้าให้มากกว่าเดิม เพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ



เมื่อถามว่า ที่บอกว่า "ทำต่อ" มีคนตั้งคำถามว่า แล้วทำไม 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ทำ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ก็ที่ผ่านมายังไม่เสร็จ มันไม่ง่ายกับสิ่งที่ทำ ผมถามว่า ก่อนหน้านี้ 8 ปีก่อน ทำเสร็จไหม ที่ทำวันนี้มันเสร็จก่อนไหม วันนี้มันเปลี่ยนแปลงไปเยอะพอสมควร เหมือนการสร้างบ้าน วันนี้เรามีหลังคาแล้ว เหลือแค่เราต้องทำต่อให้เสร็จ

อีก 2 ปี ทำเสร็จไหม พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ถ้าไม่เสร็จก็ใกล้เสร็จ แล้วก็ให้คนที่มารับช่วงทำต่อให้เสร็จ ซึ่งเป็นใครก็ได้ ประชาชนก็เลือกมาตามกติกา ผมจะอยู่เกินได้อย่างไร วันนี้ที่ผมอยู่ เพราะมีคนมาถามผมว่า ผมจะทำอะไรต่อไหม ผมก็ต้องดู ก็พิจารณาว่า ทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า ผมถึงตัดสินใจมาเป็นตัวแทน "รวมไทยสร้างชาติ" เพราะแนวคิดเขาตรงกับเรา

เมื่อถามว่า ทำไมต้องเป็น "รวมไทยสร้างชาติ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เพราะอุดมการณ์เราเหมือนกัน เท่าที่สัมผัสมาคือ เขามีอุดมการณ์ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหมือนกัน เหมือนหัวใจผมตอนนี้ ที่ต้องดำรงแกนหลักของประเทศเอาไว้ให้ได้ ในเรื่องการทำงาน ผมค่อนข้างทำงานละเอียด มาคุยกับไทยรักษาชาติ เขาก็ทำงานแบบนี้เหมือนกัน เคมีตรงกัน เราก็ตัดสินใจ 

ส่วนเรื่องของรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวรัฐธรรมนูญสักฉบับ ในการร่างรัฐธรรมนูญ ผมก็ไม่เคยคุยกับคนร่างสักคำ เขาร่างอย่างไรก็ตามนั้น จะสั่งให้เอื้อประโยชน์ใครก็ไม่ได้ และถ้ามีการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ 

ถ้าในระหว่างการเลือกตั้ง ถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ เชื่อว่าความขัดแย้งต่างๆ จะเบาบาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องทำต่อ และทำอีกหลายอย่าง

เมื่อถามว่า มั่นใจขนาดไหนที่จะได้เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ผมก็ต้องสร้างความมั่นใจให้สมาชิกเหมือนกัน เพราะทุกคนก็ตั้งใจที่จะทำการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ดีที่สุด เพื่อจัดตั้งรัฐบาล 

สมมติว่าไม่ได้ทำต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ก็แค่หยุดเท่านั้นเอง แต่ทั้งหมดประชาชนต้องตัดสิน ผมเคารพในการตัดสินของประชาชนทุกคน 

"ก็อยากให้น้องๆ หลานๆ เลือกตั้งต้องคิด ต้องตัดสินใจให้ดีๆ ผมรู้ว่าวันนี้โลกเปลี่ยนเยอะ และอยากให้เด็กรุ่นใหม่มีความคิดที่หลากหลาย มีโซเชียล หลายคนอาจจะอยากได้สิ่งที่ดีกว่า มันก็ไม่ผิด แต่ต้องคิดให้ดี ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ก็ต้องสานต่อ ใครจะเป็นก็เป็น แต่อยากให้ทุกคนช่วยกันคิด อย่าไปคิดในสิ่งที่ไม่ใช่ เพราะวันนี้เราห้ามโซเชียลไม่ได้ ผมไม่ต้องการสั่ง หรือครอบงำใครทั้งนั้น"

ทำงานมา 8 ปี เหนื่อยไหม พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ครั้งแรกก็คิดเหมือนกัน ตัดสินใจผิดหรือเปล่า ถ้าตัดสินใจใหม่ ก็ยังตัดสินใจแบบเดิม เพราะสถานการณ์มันเป็นแบบนั้น บ้านเมืองมันเป็นแบบนั้นอยู่

สุดท้ายอยากบอกอะไรประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มาพูดแบบนี้ ก็ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณประชาชนคนไทย นี่คือคนไทยที่ไม่เหมือนที่อื่น เรามีสิ่งดีๆ มากมาย ที่พร้อมจะเจริญเติบโตขึ้นในอนาคตอันใกล้ สิ่งที่สำคัญคือ ความรัก ความสามัคคี และยิ้มไปเถอะครับ ถึงผมจะยิ้มน้อย เพราะบางครั้งมันเครียด แต่ปกติอารมณ์ดี ไม่ได้เป็นคนดุ เครียดอยู่ในใจ บางทีมันก็คุมไม่อยู่เหมือนกัน เพราะมันทำงานอยู่ตลอดเวลา ผมตลกกับทุกคน แต่เอาจริงเอาจังกับงาน ขอบคุณประชาชนทุกคนที่รับฟังวันนี้ด้วย.

ติดตามได้ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ เวลา 15.30 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32