“วรรณวิภา” ไม่น้อยใจ อันดับตกไปอยู่ที่ 32 “สุเทพ อู่อ้น” โอดอันดับร่วงอย่างไม่เป็นธรรม คาใจเหมือนถูก HR ค่ายส้มใช้ทฤษฎีวัดคนมากกว่าผลงาน อัดก่อนเปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนการบริหารภายในก่อน
วันที่ 2 เม.ย. 2566 น.ส.วรรณวิภา ไม้สน อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดอันดับบัญชีรายชื่อที่ตัวเองหล่นจากที่ 3 ไปอยู่ที่ 32 ว่า กรณีนี้ได้พูดคุยกับกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) รวมถึงตัวแทนเครือข่ายแรงงานแล้ว ก็ตามที่พรรคได้แถลงข่าวไปว่า อยากให้มีความหลากหลายเข้าไป ก็คือไม่ได้ตัดเครือข่ายแรงงานออก แค่เปลี่ยนคนเข้าไป ตนก็ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็น ส.ส. ทุกสมัย ตนก็ยังทำงานแบบนี้ไปตามแนวทางพรรค
เมื่อถามว่า น้อยใจหรือไม่ที่ลำดับตัวเองหล่น น.ส.วรรณวิภา ตอบว่า ก็ไม่ขนาดนั้น ตนว่าอย่างน้อยก็ยังมีพี่ปีกแรงงานเข้าไปทำงาน ไม่ใช่ไม่มีเลย ตนยังทำงานกับพรรคต่อไป แต่อะไรๆ มันก็ไม่แน่ ทุกพรรคการเมืองมันเป็นไปได้ อันดับที่ตนถูกจัดให้อยู่อาจได้เป็น ส.ส.ก็ได้ สุดท้ายมันก็อยู่ที่การเลือกตั้งที่มีประชาชนตัดสิน ทุกอย่างเกิดได้หมด เราก็ไม่ได้เครียดกับเรื่องนี้อะไรขนาดนั้น ก็ต้องรอลุ้นดู เพราะเมื่อครั้งอนาคตใหม่ก็ไม่มีใครคิดว่าเราจะได้บัญชีรายชื่อมามากขนาดนั้น โดยถ้าเราอยากเห็นการทำงานและอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องสู้กันไปอยู่แล้ว

...
ขณะที่ นายสุเทพ อู่อ้น อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ กก.บห.กก. ที่อันดับบัญชีรายชื่อร่วงจาก 21 ไปอยู่อันดับ 40 ให้สัมภาษณ์ว่า ความรู้สึกของตนรู้สึกว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร พูดตามตรงว่า ก็พยายามที่จะบอกกับพรรคว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการจัดอันดับบัญชีรายชื่อ ตนมาจากเครือข่ายแรงงานสนับสนุน เราทำงานในฐานะผู้แทนฯ 4 ปี พอจะมีผลงานทั้งในและนอกสภาฯ เราพยายามบอก แต่ทางพรรคยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน อ้างเพียงว่าเป็นการประเมินจากเครือข่ายแรงงาน ซึ่งในระบบเครือข่ายแรงงาน ยังต้องมีประเด็นปรับปรุงแก้ไขเรื่องขบวนการอยู่ ตนได้สะท้อนให้พรรคฟังไปแล้ว ทั้งนี้ เรื่องการจัดอันดับจะแบ่งเบื้องต้นเป็นสองพาร์ท 1.อดีตส.ส. จะมี ส.ส.ประเมินกันเอง มีทีมงานพรรคประเมิน เป็นต้น 2.ในส่วนผู้สมัครหน้าใหม่ก็จะมีการผ่านกระบวนการสอบสัมภาษณ์ และส่งเข้าไปที่คณะกรรมการสรรหา ต่อด้วย กก.บห. ที่สื่อถามว่า เปิดเผยรายละเอียดการคัดสรรมากน้อยแค่ไหนในแต่ละขั้นตอน ก็ต้องตอบว่า ขนาดตนเป็น กก.บห.ยังเพิ่งได้เห็นชื่อในคราวเดียวในวันประชุม กก.บห.เมื่อ 29 มี.ค.
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ตนยังได้สอบถามไปว่ากระบวนการที่ผ่านมาดำเนินการอย่างไรบ้าง เขาก็อ้างว่าเป็นการคัดสรรมาจากสายแรงงาน ตนก็เลยถามว่าความพร้อมของสายแรงงานในการประเมินคนมีมากน้อยขนาดไหน เพราะที่ผ่านมาตรงนั้นมีเพียงกรรมการคัดสรรในส่วนเรื่องทฤษฎี ตนก็ได้ตอบคำถามเรื่องทฤษฎีส่งไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ. และตนสอบถามพรรคไปอีกว่าอย่างนี้ คนที่ทำงาน มีผลงาน ทำไมถึงไม่เอาผลการปฏิบัติงานมาประเมินด้วย จะประเมินจากทฤษฎีอย่างเดียว มันไม่เกิดความเป็นธรรม อีกทั้งพอตนไปถามแรง ผอ.แรงงาน เขาบอกการประเมินทฤษฎีไม่ได้ทำเพื่อนำไปจัดอันดับ แต่ทางพรรคกลับบอกว่ามีการประเมินมาจากเครือข่ายแรงงาน แบบนี้มันเหมือนกับทำงานในโรงงาน ถูกประเมินไม่ดี ต้นสังกัดก็โยนไปที่ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลก็โยนไปที่ต้นสังกัด ซึ่งคนที่ถูกประเมินอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะถูกตีหน้าว่าเป็นคนไม่ดี ท้ายที่สุดก็คาใจกับความยุติธรรมที่เกิดขึ้น ทำให้เขาไม่มีความรักในองค์กรที่ทำงาน ทำให้เสียคนแบบนี้ไป แต่พอตนสะท้อนกลับให้พรรคฟังไป มันก็เหมือนโยนหินลงน้ำ
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนอยากสะท้อนไปยังพรรคว่า การประเมินอย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่ได้เอาเรื่องของการปฏิบัติงานจริงมาประเมินนั้น เมื่อองค์กรมันไม่ได้มีความเป็นธรรม ในกระบวนการก็จะต้องแก้ไขให้เป็นธรรม และอีกเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ก่อนที่จะไปเปลี่ยนแปลงประเทศ เปลี่ยนการบริหารจัดการภายในก่อนดีกว่าไหม แต่ตนยังอยู่พรรคก้าวไกลต่อไป เราต้องต่อสู้เพื่อนโยบายที่ดีของพรรค ซึ่งสมัยก่อนตอนตนอยู่กับสหภาพแรงงานก็จะมีผู้บริหารที่ไม่ดี กรรมการสหภาพที่ไม่ดี เราต่อสู้และก็โค่นล้มคนเหล่านั้นลงมา เพื่อเราจะได้เข้าไปเป็นฝ่ายบริหารเพื่อที่จะสร้างความเป็นธรรมให้มากขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีอดีตคนก้าวไกลที่ลาออกไปเคยตั้งคำถามเรื่อง โปลิตบูโร และนักรบห้องแอร์ก้าวไกล มีจริงหรือไม่ เห็นกรณี นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ที่เคยแพ้เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่เคยลาออกไปสมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่เเพ้ขาดลอย ถูกจัดอยู่ในลำดับบัญชีรายชื่อที่ดีกว่าเดิม แล้วน้อยใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถามว่ามีน้อยใจหรือไม่ มันก็มีน้อยใจ เราเป็นคนทำงาน เรียนกันตามตรง ซึ่งมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนพูดออกมา มันก็มีข้อมูล มันมีอะไรที่มันเป็นสิ่งที่เราพูดออกมาได้จากข้อมูล ตนพูดเสมอว่าต้องอยู่เพื่อจะแก้ไข ถ้าคุณบอกว่าอยากให้เป็นความหลากหลาย มันต้องมีความยอมรับอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งหลายข้อมูลที่ทุกคน รวมถึงสื่อหรือท่านถามมา ก็ต้องบอกตรงๆ ว่ามันมี และเราก็ต้องเข้าไปแก้ไข.