"ธนาธร" หาเสียง เปิดภาพอนาคตประเทศจาก "อนาคตใหม่" สู่ "ก้าวไกล" ชี้ คือความปกติของประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง ขอทุกคนช่วยบอกต่อ เพิ่มคะแนนให้พรรรคเป็นรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ

วันที่ 1 เม.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีปราศรัยใหญ่และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จ.พิษณุโลก

...

นายธนาธร เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึง "หมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า หมออ๋องเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ตนภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ด้วยความกล้าหาญ สู้กับความไม่เป็นธรรม อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนี่ทำให้ชัยชนะของหมออ๋อง มีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การเมืองแบบนี้ ที่ไม่ใช่เงินซื้อเสียง ซื้อหัวคะแนน ยั่งยืนเป็นจริงได้หรือไม่ และถ้าหมออ๋องพ่ายแพ้ อาจจะไม่มีใครกล้าสร้างการเมืองแบบตรงไปตรงมาแบบนี้อีก ดังนั้น เพื่อรักษาการยืนระยะ สร้างการเมืองใหม่แบบนี้ได้ หมออ๋องต้องป้องกันแชมป์ให้ได้ และชะตากรรมของการเมืองแบบใหม่นี้ อยู่ในมือของชาวพิษณุโลกเขต 1 ทุกคน

นายธนาธร กล่าวต่อไป ว่าตั้งแต่สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่มาจนเป็นพรรคก้าวไกล ตนและเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกันมามีความฝันและภาพประเทศไทยที่เราอยากอาศัยอยู่ และอยากส่งต่อให้ลูกหลานได้เติบโตขึ้นมา แบบหนึ่งร่วมกัน อย่างเช่น ส.ส. ที่ต่อสู้เรื่องค่าไฟแทนประชาชน อภิปรายในสภาอย่างเด็ดเดี่ยว กล้าบอกว่า ที่นายทุนรวยเป็นแสนล้านเพราะนโยบายค่าไฟที่เอื้อประโยชน์ให้นายทุน บอกรัฐบาลว่า ต้องแก้ไขนโยบายตรงนี้ ถูกกลุ่มทุนพลังงานฟ้อง 100 ล้านบาท เธอก็ยังไม่หวั่นไหวเกรงกลัว นี่คือความฝันของเราที่อยากเห็นประเทศไทยที่มีความเป็นธรรม ทุกคนมีโอกาสทำมาหากิน ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางกลุ่ม

ภาพที่เราอยากเห็น คือ รัฐสวัสดิการ ที่จะมาตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ที่มีเกษตรกรหลายคนเป็นหนี้ ธ.ก.ส. ที่ทำงานทั้งชีวิตจนวันตาย ก็อาจจะยังใช้หนี้ไม่หมด แล้วยังต้องตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นอีก บางคนก็ต้องเป็นหนี้ กยศ. พอเรียนจบเริ่มต้นชีวิตก็ติดลบไปแล้ว สำหรับคนหนุ่มยังต้องมาเจอกับการเกณฑ์ทหาร เอาวัยที่สุกสกาวในชีวิตไปรับใช้บ้านนายพล นี่คือชีวิตของคนจน เราจึงต้องการสร้างรัฐสวัสดิการขึ้นมา นี่คือสังคมที่เราอยากเห็น ที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนตาย ยืนอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี

นายธนาธร กล่าวต่อไปว่า สังคมที่พรรคก้าวไกลอยากเห็นคือสังคมที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างเช่นในการเดินทาง ด้วยการมีรถเมล์สาธารณะทั่วประเทศ ทุกวันนี้คนต่างจังหวัด ที่ไม่มีรถต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ไม่มีขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ พรรคก้าวไกลอยากเห็นทุกคนใช้ชีวิตประจำวัน ไปจ่ายตลาด ไปเรียนหนังสือ ไปโรงพยาบาล มีรถเมล์ไฟฟ้าใช้อย่างแพร่หลาย ให้มีการขนส่งสาธารณะที่ดี ไปไหนไกลๆ ก็ค่อยใช้รถยนต์ แล้วเอาความต้องการรถเมล์นั้นมาสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ ไม่ใช่ซื้อรถเมล์จากจีน จ้างคนจีนทำงานอีกต่อไป

เรามีสังคมที่ปรารถนา อยากเห็นร่วมกันในอีก 20 ปีข้างหน้าที่ต่างจากสังคมปัจจุบัน นี่คือนโยบายของพวกเรา แต่จะไปถึงจุดนั้นได้ไม่ง่าย เป็นการเดินทางที่ยาวนาน ต้องใช้ความพยายามแน่วแน่ทางการเมืองอีกมาก และเราต้องการพลังใหม่ๆ เข้าไปขับเคลื่อน ไม่อยู่ในระบบอุปถัมภ์แบบเดิมๆ ที่ไม่กล้าไปแตะต้องโครงสร้างแบบเดิมๆ และต้องกล้าทะเยอทะยาน ทุกวันนี้ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน มาเลเซีย วิ่งหนีเราไปแล้ว เวียดนาม อินโดนีเซีย กำลังจี้ท้ายเรามาติดๆ

ดังนั้น จะพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ต้องกล้าทะเยอทะยาน ทำในสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นเรื่องสุดโต่ง เช่น การกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นความปกติของโลกที่พัฒนาแล้ว ไม่ใช่เรื่องสุดโต่งแต่อย่างใด ถ้าไม่กล้าทะเยอทะยานตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าเราก็ต้องอยู่แบบนี้กันต่อไป นั่นคือที่มาของคำขวัญ กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

นายธนาธรกล่าวต่อไปว่า การจะเดินทางไปถึงจุดนั้นได้ ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นอีก นั่นคือการขยายความคิด ต่อสู้ทางความคิด ในเส้นทางการเมืองแบบอนาคตใหม่-ก้าวไกล ทำให้คนเห็นถึงอนาคตแบบที่เราอยากสร้าง ที่เป็นประชาธิปไตย เท่าเทียม ไม่มีการทุจริต ไม่มีเส้นสาย ลูกหลานมีงานที่มั่นคงทำ

แต่จะชนะทางความคิดเช่นนี้ได้ พรรคก้าวไกลต้องการทุกคน ประเทศไทยมีคน 66 ล้านคน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 กว่าล้านคน เราไม่สามารถไปพบหน้าอธิบายให้ทุกคนฟังได้หมด แล้วยังมีความพยายามปล่อยข่าวปลอมออกมาทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคก้าวไกล มีขบวนการไอโอที่ทำอย่างเป็นระบบ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องขอแรงทุกคนร่วมต่อสู้ไปกับพรรคก้าวไกลด้วยกัน ในการขยายความคิดไปสู่คนให้มากที่สุดให้ได้

“อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง โอบรับมัน พร้อมเผชิญหน้ากับโลกและความท้าทายใหม่ๆ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไม่ดีขึ้นแน่ๆ โอบรับมัน ผมฝากทุกคนเป็นปากเสียงให้เราด้วย เอาความตั้งใจปรารถนาดีของพวกเราไปบอกเพื่อนข้างบ้านให้หน่อย เอาสังคมที่เราวาดฝันไปบอกเพื่อนที่ทำงานให้หน่อย เอาความมุ่งมั่นตั้งใจของเราไปบอกต่อแม่ค้าในตลาดให้หน่อย นี่เท่านั้นที่จะทำให้สังคมที่เราอยากเห็นเป็นจริงได้ ประเทศไทยในอนาคตจะเดินหน้าไปแบบไหน โอกาสในการพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอยู่ในมือของทุกคน” ธนาธร กล่าว...