“ชูวิทย์” หอบเงินสด 6 ล้านบาทที่นำไปบริจาคให้โรงพยาบาลรัฐ 2 แห่ง มามอบให้ตำรวจกองปราบฯ แล้ว ไม่ชี้แจงว่าเป็นเงินของใคร แต่ยืนยันเป็นการเอามาร่วมทำบุญ พร้อมหอบของเซ่นไหว้สัมภเวสีตามความเชื่อ ต่อมา “อัจฉริยะ” เข้าให้ปากคำประเด็นร้องให้สอบสวนเงิน 6 ล้านบาท งงชูวิทย์พูดกลับไปกลับมา เชื่อเป็นของสารวัตรซัว แฉผลการตรวจสอบของตำรวจ สน.ทองหล่อ พบหลักฐานโทรศัพท์ยันนายพล อ อ่าง โกหก ที่อ้างว่าไม่เคยไปโรงแรมเดวิส
กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาแฉนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รับเงินปิดปากจาก พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว อายุ 37 ปี เพื่อให้เลิกแฉเครือข่ายบ่อนพนันออนไลน์ จนเกิดการปะทะคารมผ่านโซเชียลมีเดีย ล่าสุดทนายตั้มนำคลิปและภาพหลักฐานเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน บก.ป. ดำเนินการตรวจสอบนายชูวิทย์ เข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 31 มี.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าพบ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.เพื่อนำเงินสด 6 ล้านบาทที่ได้รับมาจาก พล.ต.ท.นายหนึ่งมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมให้ปากคำชี้แจงที่มาที่ไปของเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทันทีที่นายชูวิทย์เดินทางมาถึง นำผ้าขาวปูพื้นพร้อมวางของเซ่นไหว้ประกอบด้วยไก่ หัวหมู เป็ด ผลไม้ สุรา ระบุว่าต้องการไหว้สัมภเวสีตามความเชื่อ จากนั้นนำเงินสดเป็นธนบัตร 1,000 บาท 6 ปึก ปึกละ 1 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท วางซ้อนกันบนพาน 2 ใบ ก่อนจุดธูปพนมมือกล่าวว่า ข้าพเจ้านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ขอเซ่นไหว้หมูเห็ดเป็ดไก่เหล้าให้กับสัมภเวสี เงินต่างๆที่นำมาตนรับและนำไปบริจาค แต่มีวิญญาณเร่ร่อนสัมภเวสีที่จะมาฉกฉวยแย่งซีนกัน ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนทำอะไรเปิดเผยทุกอย่าง
...
นายชูวิทย์แสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคเงิน พร้อมอธิบายว่า เริ่มต้นรับมาเป็นเงินสด จากนั้นนำไปซื้อแคชเชียร์เช็คบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช 3 ล้านบาท อีก 3 ล้านบาทโอนเข้าบัญชีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ทั้งหมดทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ผ่านเข้าบัญชีตัวเอง รวมทั้งใบเสร็จหลังการทำบุญไม่เคยนำไปขอลดหย่อนภาษีใดๆ
“วันนี้มากองปราบฯเพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า เงินที่ได้มาทั้งหมดยินดีคืนกลับไปยังต้นทาง เงินนี้เป็นเงินที่มีผู้นำมาให้ ตั้งใจจะทำบุญอยู่แล้ว ส่วนช่องว่างที่เงินมาค้างอยู่กับผมระยะหนึ่งก่อนบริจาค เป็นเพราะการไปบริจาคไม่สามารถทำได้ทันที ต้องนัดหมายล่วงหน้าก่อน เงินก้อนนี้เป็นเพียงเศษเงิน สำหรับบางคนอาจมองว่าสามารถนำไปบำรุงบำเรอได้ หลังมีข่าวเงินก้อนนี้ว่าต้องนำมาส่งมอบคืน เจ้าของเงินเองก็รู้สึกเสียใจ” นายชูวิทย์กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า เงินก็คือเงิน แต่ถ้าถามว่าที่มาของเงินนำมาจากไหน ต้องไปถามที่นายพล ป.ปลา ยืนยันว่าเงินก้อนนี้มันไม่ใช่การขู่เข็ญ ไม่ได้ให้ในที่หลบซ่อน ออฟฟิศตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ให้เมื่อวันที่ 30 มี.ค.65 ขณะนั้นตนอยู่ที่ จ.ปทุมธานีพักผ่อนอยู่ มีผู้ติดต่อมาอยากจะทำบุญ จนกระทั่งต้นปี 2566 ผู้นำเงินมาติดต่ออยากทำธุรกิจอาบอบนวด อยากปรึกษาตนเพราะมีความรู้เรื่องนี้
“ส่วนประเด็นนำเรื่องที่ดินของตนไปเปรียบ เทียบกับที่ดินเขากระโดง เป็นคนละประเด็นกัน การที่ผมพูดว่าจะให้หรือบริจาคเป็นคนละประเด็น ตอนนี้ผมจะนำไปสร้างตึกด้านหน้าทำเป็นสวนล้วนเป็นไปได้หมด นั่นคือสิทธิของผม เรื่องที่ดินยืนยันจะสู้ต่อไป สำหรับความสัมพันธ์ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับนายแทนไท ณรงค์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไททัน แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ทั้งสองพบกันโดยการประสานของ พล.ต.อ.ช.ช้าง อดีตเคยอยู่ ปปง. การพบกันครั้งนั้นนายสนธิระบุว่า เรียกนายแทนไทมาเพื่อว่ากล่าวตำหนิเรื่องทำธุรกิจพนันออนไลน์ ส่วนตัวมองว่าไม่สมเหตุสมผล คาดว่าเป็นการทำเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ส่วนตัวอยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ถ้าเป็นสื่อใหญ่และเรียกนายแทนไทมาตำหนิ ไม่ใช่หน้าที่สื่อ พฤติการณ์นายสนธิเป็นแบบนี้มาตลอด” นายชูวิทย์กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนเรื่องค่าเสี่ยงภัย 300,000 บาท กรณีทนายคนหนึ่งที่ออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ อยากถามย้อนกลับไปว่า วิชาทนายความต้องมีค่าเสี่ยงภัยด้วยหรือไม่ หลังให้สัมภาษณ์ นายชูวิทย์ นำเงินสดไปมอบให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.ก่อนขึ้นยังอาคารกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำถึงข้อมูลที่มาของเงิน
ต่อมาเวลา 16.15 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เสวก บุญจันทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับกรณีเงิน 6 ล้านบาท ที่มีผู้นำมามอบให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นายอัจฉริยะกล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวนมาให้ปากคำ เนื่องจากเป็นผู้ร้องให้ดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องรับเงินดังกล่าว ตนเชื่อว่าเป็นของสารวัตรซัว และเชื่อในข้อเท็จจริงที่นายชูวิทย์เคยยืนยันเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ว่า ได้รับเงินจากสารวัตรซัวโดยมีนายพล อ.อ่าง และ พล.ต.ท.ป.ปลา นำมาให้บอกว่านำเงินไปทำอะไรก็ได้ นายชูวิทย์เลยนำไปบริจาค และเป็นเพราะนายชูวิทย์ยืนยันเองว่า เป็นเงินจากสารวัตรซัว โรงพยาบาลถึงต้องคืนเงิน วันนี้ตนจะนำข้อเท็จจริงข้อนี้ให้การพนักงานสอบสวน
“การที่วันนี้นายชูวิทย์บอกว่า ไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวเป็นของใคร มองว่าเวลาขึ้นศาลจะเชื่อคำให้การ 1-2 ครั้งแรก ไม่ใช่ว่าวันนี้พูดอย่าง มะรืนพูดอีกอย่าง ส่วนกรณีพาดพิงถึงตนว่า เป็นสัมภเวสี หิวแสง ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับนายชูวิทย์เคารพมาตลอด ล่าสุดได้ข้อมูลใหม่จาก สน.ทองหล่อ หลังไปยื่นเรื่องให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเรื่องนี้ ตอนนี้ สน.ทองหล่อกำลังอยู่ระหว่างทำรายงานสืบสวนมาให้กองบังคับการปราบปรามเจ้าของคดีว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ นายพล อ.อ่าง พบว่า ไปที่โรงแรมเดวิสจริงเมื่อวันที่ 21 ม.ค. เวลา 23.30 น. ส่วนนายชูวิทย์อยู่ที่โรงแรมตอนประมาณ 1 ทุ่ม ข้อมูลนี้ทำให้รู้ว่า นายพล อ.อ่าง โกหก หลังเคยบอกว่า ไม่เคยไปโรงแรมเดวิส ส่วนวันที่ 3 ก.พ. ตรวจสอบพบว่า นายชูวิทย์อยู่ที่โรงแรมตอนบ่ายแต่กลางคืนไม่มีใครไปพบ ส่วน พล.ต.ท. ป.ปลา กับศักดิ์พระราม 3 ตนไม่รู้เบอร์โทร.เลยยังตรวจสอบไม่ได้” นายอัจฉริยะกล่าว
หลังตำรวจกองปราบปรามสอบสวนนายชูวิทย์ยาวเหยียดนาน 4 ชม.ถึงเวลา 18.30 น. นายชูวิทย์ เผยว่า ตนส่งมอบเงินทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนแล้ว เงินจะถูกยึดไว้เป็นของกลาง ตำรวจต้องรับไปตรวจสอบว่าตนรับเงินมาจากใคร คนคนนั้นต้องไปให้การว่า รับเงินจากใครมามอบให้ตน จะต้องเรียกนายพล ป.ปลา มาสอบ ทราบว่าพนักงานสอบสวนนัดหมายแล้ว ในวันที่นำเงินมามอบให้มีเพียงแค่ พล.ต.ท.ป.ปลา ที่นำเงินมา ตนไม่เคยพบบุคคลอื่น บอกว่าเป็นเงินของสารวัตรซัว แต่ตนไม่ได้เจอด้วยตัวเอง เลยไม่สามารถยืนยันได้ว่าจริง แต่ยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าตนไม่เคยเจอ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ สามารถตรวจสอบจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือได้ว่าไม่เคยติดต่อสื่อสารกัน
“ส่วนสัมภเวสีที่ไม่รู้เรื่องแล้วออกมาพูดต้องโดนฟ้อง โดยที่นายอัจฉริยะบอกว่ามีข้อมูลว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ไปที่โรงแรมเดวิสวันที่ 21 ม.ค.นั้นไม่เป็นความจริง ยิ่งเป็นตอน 23.30 น. ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะตนไม่ได้อยู่ที่โรงแรม วันนี้ขั้นตอนของตนกับพนักงานสอบสวนถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียด รอบคอบ และเงินทั้งหมดมอบให้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนี้ต้องเรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำหาที่มาที่ไป ถ้าพบว่าที่มาของเงินถูกต้องแค่นำคืนเจ้าของ ส่วนพวกที่ไม่ได้รู้เรื่องเป็นสัมภเวสีไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วเอามาเล่ามาเป็นฉากๆ อยากถามว่ามาในสถานะไหน ถ้าอยากได้แสงก็ยอมรับตรงๆ และอยากบอกสื่อว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือ
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับเงินที่นายชูวิทย์นำมาส่งมอบเพื่อตรวจยึดไว้เป็นของกลางนั้น เบื้องต้นลงบันทึกประจำวันพร้อมกับนำไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่ไปที่มาของเงินเป็นอย่างไรยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานต่างๆให้ครบเสียก่อนจึงสามารถสรุปได้ หลังจากนี้จะทยอยเรียกตัวบุคคลต่างๆที่พาดพิงถึงมาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบุคคลที่พนักงานสอบสวนจะทยอยเชิญตัวมาให้ปากคำหลังจากนี้ เบื้องต้นประกอบด้วย พล.ต.ท.ป.ปลา และนายศักดิ์ เจ้าของเงิน นัดมาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 4 เม.ย.นี้