"เปิดปากกับภาคภูมิ" คุยกับ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เสนอขอเป็นทางรอดใหม่ให้คนไทยในการเลือกตั้ง 2566 ชวนคนไทยออกจากวังวนการเมือง 2 ขั้ว
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 31 มีนาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน
ถามว่าการเมืองช่วงใดโหดที่สุด คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ความเป็นนักการเมืองไม่เคยสบาย เหนื่อยมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ป็น ส.ส. เมื่อปี 2535 หลังรัฐประหาร คิดว่ากงล้อการเมืองเหมือนกับปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเลวร้ายกว่า ตอนนั้นมีการรัฐประหาร 2534 มีการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้งปี 2535 โดยเขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจให้คนนอกที่ไม่เป็น ส.ส. มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งท้ายที่สุด พล.อ.สุจินดา ผู้ทำรัฐประหารก็มารับตำแหน่ง ทำให้ประชาชนก็ลุกฮือขึ้นมา
ในช่วงนั้นตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้นให้ถือจดหมายไปเจรจากับ พล.อ.สุจินดา เจรจาเพื่อให้ลงจากตำแหน่ง เป็นการไปเจรจาคนเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่าต้องรอประมาณ 1 ชม. จึงให้เข้าไปพบ ถือว่า พล.อ.สุจินดา ก็เป็นสุภาพบุรุษ ให้เราแนะนำตัว ให้เราได้พูดคุย ท่านก็อ่านจดหมาย และบอกว่าขอโอกาสให้ท่านทำงานสักระยะได้ไหม ถ้าไม่ดีแล้วจะลาออกเอง ตนได้ตอบไปว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่ออกมาชุมนุม
...
ซึ่งขณะนั้น พล.ต.จำลอง ตัดสินใจเอาพรรคเข้าไปร่วมกับประชาชน ท่านก็ถามว่า ถ้าไม่ออกจะเกิดอะไรขึ้น เราก็บอกว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อออกไป ท่านจึงบอกให้ตนช่วยพูดขอโอกาส
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนเองอยู่มากับการต่อสู้เพื่อที่ให้ประชาธิปไตยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 30-31 ปี อุดมการณ์ทางด้านประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยน ในวันนั้นรัฐธรรมนูญเขียนให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในวันนี้เขียนเลวร้ายกว่า ให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีได้ และที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือแผนยุธศาสตร์ 20 ปี เหมือนเป็นกะลาครอบประเทศไทยเอาไว้ เป็นการเขียนด้วยคนอายุ 60 ปี เพื่อกำหนดอนาคตให้คนรุ่นใหม่ และยังกำหนดบทลงโทษว่าถ้าใครไม่ทำตามด้วย รัฐบาลไหนมาก็แล้วแต่ ถ้าไม่ทำตามจะมีความผิด นี่คือกลไกลการฝังชิปที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ไม่ใช่พวกตัวเอง ซึ่งภายใน 3-6 เดือน นายกฯ อาจจะติดคุกได้
สงครามครั้งสุดท้าย 17 ปี กับวังวนการเมือง 2 ขั้ว
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า อยากจะชวนให้ประชาชนคิด เราอยู่ในสงครามการแย่งอำนาจทางการเมือง 2 ขั้วมานาน 17 ปี ตั้งแต่ปี 2549 โดยผลัดกันขึ้นมามีอำนาจ การเลือกตั้งในครั้งนี้มันเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของทั้ง 2 ขั้วการเมือง ดังนั้นจะแพ้ไม่ได้ทั้ง 2 ขั้ว เกมจบคนไม่จบ ซึ่งเสี่ยงมากที่จะเกิดความขัดแย้งในการเมืองครั้งใหม่ อาจเกิดสงครามความขัดแย้งต่อไป เราต้องหยุดสงครามครั้งนี้ให้ได้
ถามว่าทำไม "พรรคไทยสร้างไทย" จึงเสนอตัวเองว่าทางรอด เพราะเราไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งและชัดเจนว่า 1. จะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ต้องการให้คนไทยถูกบังคับให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจาก 2 ขั้วการเมืองเดิม เราจึงชวนประชาชนให้ออกจากการเมือง 2 ขั้วไปสร้างการเมืองใหม่
พรรคไทยสร้างไทย ขอเป็นทางรอดใหม่
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราเป็นพรรคใหม่ แต่คนทำงานมีประสบการณ์ รู้ว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น เราทำงานกันมานานตั้งแต่พรรคพลังธรรม พรรคไทยรักไทย เราเป็นทางรอดเพราะเราอยากพาประชาชนออกจากการเมือง 2 ขั้ว ไม่ต้องเสี่ยงปฏิวัติ ไม่ต้องเจอคนที่สั่งปฏิวัติเข้ามาทำงาน เรามีคนที่พาประเทศไทยไปสู่ชัยชนะ
ที่ตนมาทำการเมืองครั้งนี้ เพื่อทำให้ ไม่ได้ทำเอา คือ 1. ที่ผ่านมาตนได้ออกไปกอดคนเยอะแยะ ออกไปกอดมานานนับ 30 ปี วันนี้พยายามทำหน้าที่ในการสร้างทางรอด ทางเลือกใหม่ สร้างประเทศให้ดีกว่านี้ เพื่อคนรุ่นต่อไป 2. ต้องแก้รัฐธรรมนูญ พรรคไทยสร้างไทยยังไม่มี ส.ส.สักคน แต่เราเสนอกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว 4 ฉบับ โดยหนึ่งในนั้นเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เลือกตั้ง สสล. เพราะรัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน คืนอำนาจให้ประชาชนเขียนเอง และในนั้นยังระบุด้วยว่าคนที่ทำรัฐประหารคือกบฏต้องได้รับโทษสูงสุด และ 3. คิดว่าวันนี้ต้องเปิดโอกาสรับฟังให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วม ไม่สร้างความเกลียดชังต่อเนื่องอีก
ถามว่าพรรคไทยส้างไทยจะกลายเป็นศัตรูกับขั้วการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้มีปัญหากับตัวบุคคลเลย แต่หลักการประเทศต้องมี ส่วนที่ 2 คือ เราเลือกฝั่งที่เคยอยู่ ไม่เคยทำงานได้เลย แล้วก็ถูกยึดอำนาจ ซึ่งการยึดอำนาจแต่ละครั้งทำให้ประเทศถอยหลังไปเท่าไร
สงครามครั้งสุดท้ายคืออะไร...
วันนี้ฝั่งที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน เขาหวังว่าต้องมีอำนาจต่อ อีกฝั่งหนึ่งก็ต้องการเข้ามามีอำนาจเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมกันไม่ได้ ถ้าความขัดแย้งไม่จบ อย่าหวังว่าจะแก้เศรษฐกิจหรือปัญหาอย่างอื่นได้ ดังนั้นจึงต้องเลือกพรรคไทยสร้างไทยแบบถล่มทลาย ซึ่งตนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย คือ 1. ปลดล็อกความขัดแย้ง แก้รัฐธรรมนูญ 2. สร้างโอกาสส่งเสริมประชาชนให้ทำมาหากินได้สะดวก ทำเพื่อคนตัวเล็กหรือประชาชนส่วนใหญ่ด้วยการพักใช้ใบอนุญาตกว่า 1,400 ฉบับ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ที่มีใบอนุญาตมากที่สุดในโลก และใบอนุญาตของไทยเลอะเทอะ มีกฎหมายอื่นอยู่แล้วแต่ยังให้เขาไปขอใบอนุญาต และ 3. แก้หนี้เติมทุน ด้วยการตั้ง SME สตาร์ทอัพ ตั้งกองทุนไทยสร้างไทย 3
คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยอีกว่า พรรคไทยสร้างไทยส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 คน คือ 1. สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 2. สุพันธุ์ มงคลสุธี 3. น.ต.ศิธา ทิวารี ส่วน ส.ส.เขตจาก 400 เขต เราส่งประมาณ 300 กว่า ยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดในบางจุด ทำให้บางจังหวัดเราส่งไม่ได้ ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ส่ง 100 คน
เมื่อถามว่า หากพรรคอื่นได้จัดตั้งรัฐบาล แล้วมาชวนไปร่วมรัฐบาลด้วยจะไปหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า หลักการของตนชัด ไม่ได้มองเป็นพรรค แต่มีเฉพาะตัวบุคคล คนที่เคยทำรัฐประหารมา เราไม่สามารถไปยกมือให้เขาได้ คนที่เคยทำรัฐประหารมา เราไม่สามารถสนับสนุนได้จริงๆ ขณะเดียวกันอีกขั้วหนึ่งต้องดูนโยบายว่าเขาจะพาประเทศไปแบบไหน.