นายกฯ ขอบคุณพรรคร่วม-สภา ทำงานร่วมกันมา 4 ปี เผยครอบครัวเป็นห่วงเรื่องเป็นนักการเมืองเต็มตัว พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส่งมินิฮาร์ท ถ่ายรูปกับสื่อทำเนียบส่งท้าย ยันไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร
วันที่ 20 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 15.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังมี พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ขอบคุณทุกคนโดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฏร ที่ทำงานร่วมกันมา 4 ปีอาจมีทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็ขอบคุณ เพราะทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ ย้ำตนเองไม่ได้ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะวางแผน แต่อาจจะไม่ได้ไปทุกที่ มีทั้งปราศรัยใหญ่ ปราศรัยย่อยเห็นแล้วก็เวียนหัวไปหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า 4 ปีที่ผ่านมา มีอะไรที่ตั้งใจทำแล้วไม่ได้ทำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีหลายเรื่อง ขออย่าเพิ่งพูดตอนนี้ เพราะหลายเรื่องก็พยายามจะทำ เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่มีปัญหาอยู่ ที่ค้างสภาอยู่ หวังว่ารัฐบาลหน้าจะทำให้มันเรียบร้อย
เมื่อถามว่า อะไรคือสิ่งที่นายกฯ ภูมิใจในการทำหน้าที่มา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาคภูมิใจที่สุดคือ การร่วมมือกันของพรรคร่วมรัฐบาล หลายอย่างที่ออกมาเป็นนโยบายแต่ละพรรค มันคือรัฐบาล แต่แยกย่อยกันไป และเราก็ร่วมมือกับเขามาเป็นมติ ครม. ไม่เช่นนั้นทำไม่ได้หรอก วันหน้าจะทำอะไรก็ตาม ก็ต้องเป็นแบบนี้ ต้องหารือ จะให้ใครอะไรต่างๆ ต้องดูเรื่องการเงินการคลังด้วย หาเงินได้พอหรือไม่ วันนี้รัฐบาลที่ผ่านมา ผมก็ภูมิใจว่า อย่างน้อยผมก็ได้สร้างสิ่งที่จะเป็นรายได้ของประเทศ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็ขอขอบคุณสื่อด้วยแล้วกัน เราไม่ใช่ศัตรูกัน บางครั้งหงุดหงิดไปบ้าง เพราะทำงานเยอะ มีความเครียด แต่นายกฯ ไม่โกรธใครหรอก
...
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายกฯ ได้อะไรกับการเมืองบ้าง ระบุว่า ก็คงต้องได้ เพราะนายกฯ ก็ทำงานกับการเมือง ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นนักการเมือง แต่อยู่ที่การบริหาร นายกฯ คือผู้บริหาร อะไรที่ออกมาได้ คือนายกฯ ตัดสินใจ อะไรก็ตาม เสนอมาได้ ก็ต้องตัดสินใจสิ่งที่ถูกต้องก่อนเข้า ครม. หากพรรคร่วมไม่เห็นด้วย ก็ผ่านไม่ได้ ส่วนตัดสินใจจะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ ยังไม่ขอตอบตอนนี้ เพราะต้องเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง และก้าวสู่สนามการเมือง ได้รับกำลังใจจากครอบครัว โดยเฉพาะภรรยา ซึ่งครอบครัวก็มีความเป็นห่วง แต่ทุกอย่างก็ให้ตนเองเป็นคนตัดสินใจ ยอมรับเป็นห่วงครอบครัวและครอบครัวก็เป็นห่วงตนเอง ไม่มีใครอยากให้สามีมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่ภรรยาไม่ได้ยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องการเมือง เพียงแต่กำชับเรื่องสุขภาพ มีข้อมูลส่วนไหนก็เตือนมา ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง รวมถึงภรรยาต้องให้กำลังใจสามี
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ทราบว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกี่คน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ขอสื่ออย่าถามดักหน้าดักหลัง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นเวลา 7 นาที ก่อนที่จะเดินขึ้นไปประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อเตรียมขึ้นไปยังห้องทำงาน โดยเมื่อสื่อมวลชนกล่าวหยอกว่ายังอยู่กับผู้สื่อข่าวอีกนานในช่วงรักษาการขอให้เบาๆลงหน่อย พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “สื่อก็เบาๆหน่อยสิ”
จากนั้น สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้เชิญนายกฯร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหลังจากที่ทำงานร่วมกันมากว่า 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม หัวเราะพร้อมกล่าวว่า มันต่างกันตรงไหน ฉันก็คนเดิมนี่แหละ ก่อนจะกล่าวว่า “ขอบคุณสื่อทุกคนมากๆอย่างไรก็ยังอยู่ด้วยกันนั่นแหละนะ”
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่าจากนี้ไปในสนามการเมืองพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัวและอีกหลายอย่าง พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ไม่เป็นไรประเทศชาติประชาชนได้ประโยชน์ ฉันไม่เสียใจอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้หันมายิ้มทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยู และมินิฮาร์ท ให้กับกลุ่มสื่อมวลชนและช่างภาพอย่างอารมณ์ดี พร้อมกล่าวว่า “สวัสดีครับ” ทั้งนี้เมื่อสื่อมวลชนขอให้เปลี่ยนสลับมือทำสัญลักษณ์ มินิฮาร์ท พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “สั่งกันจัง” ก่อนเปลี่ยนมือทำตาม พร้อมปรารภกับคนใกล้ชิดว่า “สื่อฯพวกนี้เขาก็ดีกับฉันนะ”
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์