รังสิมันต์ โรม ส.ส.ก้าวไกล ส่งหนังสือตรวจสอบ ผู้พิพากษา เพิกถอนหมายจับ "ส.ว.ทรงเอ" เอี่ยวคดียาเสพติดโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย้ำ ความยุติธรรมต้องเสมอภาคและเท่าเทียม

วันที่ 8 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมายื่นหนังสือถึง คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. เพื่อให้ตรวจสอบ อธิบดีผู้พิพากษาฯ รองอธิบดีผู้พิพากษาฯ และผู้พิพากษาที่นั่งบัลลังก์ พิจารณาเพิกถอนหมายจับสมาชิกวุฒิสภาคนดัง ที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนี้มายื่น ก.ต.กรณีสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในสภา เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ตนพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้มั่นใจว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง ทุกคนอาจจะทราบว่าภายหลังผมอภิปรายในสภา และได้เปิดเผยข้อมูลของ ส.ว.ทรงเอ ว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน ปรากฏว่าตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ได้มีการมาขอศาลออกหมายจับ โดยสารวัตรที่รับผิดชอบคดีนี้ หลังจากมาขอและศาลออกหมายจับในตอนเช้า ปรากฏว่าในช่วงบ่ายมีการยกเลิกหมายจับ สาเหตุสำคัญที่ศาลอธิบายคือ ได้รับฟังคำแนะนำจากอธิบดีของศาลว่า บุคคลนี้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญ ซึ่งศาลไม่ทราบมาก่อน จึงขอให้ถอนหมายจับและบอกกับเจ้าพนักงานตำรวจที่มาขอออกหมายจับว่า ให้ไปดำเนินการออกหมายเรียกก่อน

...

“ถ้าเราพิจารณาในเนื้อหาของกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คดีที่มีอัตราโทษสูง ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการฟอกเงิน โดยทั่วไปไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน สามารถที่จะดำเนินการขอออกหมายจับได้เลย และเดิมในชั้นต้น ศาลก็เห็นด้วย เพียงแต่แล้วอาจจะไม่เห็นว่าจริงๆ แล้ว บุคคลท่านนี้เป็น ส.ว.หรือเปล่า ในเบื้องแรกจึงออกหมายจับให้ แต่ปัญหาคือระบบกฎหมายของเราไม่ได้แบ่งแยกการปฏิบัติกับวุติสมาชิกและบุคคลธรรมดาว่า ต้องมีความแตกต่างกัน ข้อสอง บุคคลย่อมมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกันของกฎหมาย ทุกคนจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงมีความเห็นว่า การถอนออกหมายจับแบบนี้ อาจจะมีปัญหาเรื่องของความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม หรือความชอบด้วยกฎหมาย” นายรังสิมันต์ ระบุ

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันนี้จะยื่นร้องเรียนกับผู้พิพากษา 3 ท่าน คือ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาที่นั่งบัลลังก์ในคดีนี้ ซึ่งตนได้รวบรวมทั้งหลักฐาน เอกสารต่างๆ ที่หวังว่าจะนำไปสู่การดำเนินการ เพื่อให้มีการตรวจสอบต่อไป และหวังว่าถ้ามีการตรวจสอบครั้งนี้ ก็จะสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรมให้กับคดีนี้ได้ และหลังจากนี้ ตนก็จะให้ทีมทนายความนำเอกสารไปยื่นต่ออัยการสูงสุด ทั้งกรณีของ นายตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา ที่มีตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมไปถึงขอให้ตรวจสอบประเด็นหลาน พล.อ.ประยุทธ์ กับ นายตู้ห่าว อย่างเป็นทางการอีกด้วย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนได้ติดตามคดีนี้มา ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของ บช.ปส. จากที่ตรวจสอบก่อนหน้านี้ ไม่มีการออกหมายเรียก คือศาลกำหนดว่าจะต้องออกหมายเรียก 15 วัน เท่าที่ตนตรวจสอบไม่มี แล้วสุดท้ายตัว ส.ว.ทรงเอ หลังจากเปิดประชุมสมัยประชุมก็จะมีเอกสิทธิ์และความคุ้มครองที่มันจะเกิดขึ้นตามมา การไปออกหมายเรียกในช่วงเวลาที่มีสมัยประชุม หรือออกมาจากในสมัยประชุมไม่สามารถทำได้แล้ว สุดท้ายกลายเป็นว่า คดีต้องฟ้องดำเนินแยกกันไป โดยที่ไม่มี ส.ว.ทรงเอ อยู่ในคดีนั้น หมายความว่า หลังจากนี้ต้องมีการฟ้องกัน และอาจจะแยกเป็น 2 สำนวน อาจจะไปรวมกันเป็นคดีในทีหลังก็เป็นอำนาจของศาล ที่สามารถทำได้อยู่แล้ว

ณ ตอนนี้ ตนยังเชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับคดี แต่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่ในฐานะที่เป็นพลเมืองดี เราควรจะเห็นกระบวนการยุติธรรมที่มันโปร่งใส ตนค่อนข้างกังวลจริงๆ ว่า ในคดีลักษณะแบบนี้จะจบอย่างไร ก็หวังว่าข้อมูลตรงนี้ เป็นการแจ้งเบาะแสสำคัญให้กับทาง กต.ต่อไป

เมื่อถามว่า ที่มาร้องวันนี้อยากให้มีการดำเนินการในส่วนใดอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นความยุติธรรม เมื่อตนรู้แล้วคิดว่ามันไม่น่าจะถูกต้องตามกฎหมาย ตนก็แจ้งเป็นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจ เพราะตนไม่มีอำนาจที่จะไปแทรกแซง ไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งการให้เกิดผล ที่สำคัญถ้าตนไม่แจ้ง ตนก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการแบบนี้

เมื่อถามว่า มั่นใจใช่หรือไม่ เหตุที่ถอนหมายจับ เพราะมาทราบภายหลังว่า บุคคลนี้เป็น ส.ว. นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พูดกันรายละเอียดในแบบฟอร์มดังกล่าว จะต้องระบุอยู่แล้วว่าเป็น ส.ว. คือจะออกหมายจับใคร จะมีช่องให้เขียนว่าอาชีพของคนๆ นั้นคืออาชีพอะไร ซึ่งพนักงานสอบสวนที่ออกหมายจับก็เขียนระบุเอาไว้ แต่ตนเดาว่าศาลคงไม่เห็นหรืออาจจะไม่ได้อ่าน หรืออาจจะอ่านแล้ว เพียงแต่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร ก็กฎหมายไม่ได้กำหนดว่า วุฒิสมาชิกกับประชาชนทั่วไปต้องปฏิบัติคนละแบบ หลังจากนั้นตอนบ่ายถึงมาอ่านอย่างละเอียด หรือใครมาบอกหรือเปล่า อันนี้ตนไม่ทราบ แต่ว่ากระบวนการที่ทางตำรวจขอหมายจับถูกต้องทั้งหมด ตนเองก็อยู่ในแวดวงกฎหมาย ตนคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นในศาล คือเช้าออกหมายจับตอนบ่ายมาถอน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเหตุเปลี่ยนแปลงอะไร มีแต่คำอธิบายที่เขียนเอาไว้บอกว่าเป็นบุคคลสำคัญ ขอไปออกหมายเรียกก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีระบุเอาไว้ในกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นายรังสิมันต์ โรม เข้าไปยื่นหนังสือคำร้องดังกล่าวแล้ว ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ไปยื่นเอกสารที่งานสารบรรณ ชั้น 3 จากนี้ก็ต้องเป็นขั้นตอนการตรวจสอบของทางฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองจะติดตามความคืบหน้าในการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง.