ชุลมุนไม่หยุด การแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.
มติศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยไม่ให้นำคนต่างด้าวมานับรวมเป็นจำนวนราษฎร เพื่อคำนวณจำนวน ส.ส.เขต และแบ่งเขตเลือกตั้งตามสูตรที่ กกต.เสนอมา ให้นับเฉพาะผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น
8 จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ตาก สมุทรสาคร อุดรธานี ลพบุรี นครศรีธรรมราช และปัตตานี ส่อเค้าอลเวง ต้องนับจำนวนราษฎรใหม่ ส่งผลกระทบจำนวน ส.ส.ในพื้นที่เปลี่ยนแปลง
พรรคการเมืองก็พลอยปั่นป่วน ต้องไปวางตัวผู้สมัครในพื้นที่ได้รับผลกระทบกันใหม่
มีสิทธิกระทบไทม์ไลน์ยุบสภา ที่เก็งกันไว้วันที่ 15 มี.ค. อาจต้องเลื่อนออกไป เผลอๆการเลือกตั้งก็อาจสะดุด ถูกยื้อออกไป เพื่อรอความชัดเจนให้ กกต.รื้อแบ่งเขตเลือกตั้งให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
แต่ที่รอไม่ได้คือ การหาเสียงของนักการเมือง ถึงความชัดเจนของ กกต.ยังไม่ชัด ก็ต้องลงพื้นที่โกยคะแนนล่วงหน้ากันไปก่อน แต่ละพรรคแข่งโชว์นโยบายพรรค อวดตัวผู้สมัคร กูรูด้านต่างๆ
ที่กำลังคึกคักเป็นพิเศษคือ พรรคเพื่อไทย เต็งหนึ่งการเลือกตั้ง นอกจากส่ง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานครอบครัวเพื่อไทย อุ้มท้องขึ้นเหนือ ล่องใต้ ตระเวนอีสาน ตะลอนหาเสียงต่อเนื่อง
...
ล่าสุดเปิดตัว “เศรษฐา ทวีสิน” เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ขึ้นแท่นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย
ดันเจ้าสัวดังมาคลุกฝุ่นการเมืองเต็มตัว มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โชว์วิชั่นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โจทย์สำคัญอันดับ 1 ที่ประชาชนใช้ตัดสินใจจะฝากความไว้วางใจให้พรรคการเมืองตอนเข้าคูหากาบัตร
ทีมคนแดนไกลลุยทำแต้มเศรษฐกิจ เร่งเครื่องยุทธศาสตร์การตลาดตามบทถนัด ส่งชื่อบอสใหญ่อสังหาริมทรัพย์เป็นตัวเลือกซื้อใจประชาชน ชวนเชื่อต่อจากการเปิดนโยบายด้านเศรษฐกิจก่อนหน้านี้
เพื่อไทยเปิดตัวติดลม ทั้งนโยบายและมือดีเศรษฐกิจ แต้มตั้งท่าจะไหลไปไกล ฝ่ายที่ก้นร้อนนั่งไม่ติดคือ พรรครวมไทยสร้างชาติของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
ต้องเร่งทำคะแนนเพิ่มทุกทาง อวดนโยบายเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 1,000 บาทต่อเดือน เกทับค่ายพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ให้แค่เดือนละ 700 บาท
ล่าสุดปล่อยของ รัฐบาลเตรียมขึ้นเงินเดือน–สวัสดิการ ให้ผู้บริหาร อบต. 5,300 แห่งทั่วประเทศ ซื้อใจ อบต.ล่วงหน้า พร้อมสั่งเบรกตัวโก่ง กฎหมายเก็บภาษีการขายหุ้นที่จะบังคับใช้เดือน พ.ค.2566 ให้เลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อน กลัวพ่นพิษกระทบฐานเสียงในช่วงใกล้เลือกตั้ง
“บิ๊กตู่” เร่งทำคะแนนเอาใจคนทุกระดับทั้งคนจน นักการเมืองท้องถิ่น และสายเล่นหุ้น ลุ้นได้อานิสงส์ถ้วนหน้า
เน้นทำแต้มที่เห็นผลเป็นรูปธรรมกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ และบรรดาหัวคะแนน ดีกว่าการเหวี่ยงใส่ “เศรษฐา ทวีสิน” ในเชิงประชดประชัน เก่งตรงไหน ที่มีแต่เจ็บตัว โดนแซะกลับเข้าเนื้อตัวเอง
แต่พรรคที่เจ็บตัวหนักมากเป็นพิเศษช่วงนี้ หนีไม่พ้น ภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข โดนกระสุนตกใส่ต่อเนื่อง
เพิ่งโดน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลากไส้เรื่องกัญชา และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ประจานให้เห็นสีเทาที่ซ่อนอยู่ไม่ทันไร ก็มีเรื่องใหม่เข้ามาเพิ่ม
ล่าสุดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีถูกฝ่ายค้านเคลือบแคลงยังถือหุ้นในบริษัทบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่ตัวเองเคยเป็นเจ้าของ ขัดข้อห้ามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในบริษัทเอกชน ให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
น้องชาย “เนวิน ชิดชอบ” ขาใหญ่แห่งบุรีรัมย์ โดนลากไส้ปมซุกหุ้น ให้ลูกจ้างเป็นนอมินีถือหุ้นแทน
ค่ายเซราะกราวมีเรื่องให้ถูกบลัฟไม่หยุด แผลเก่า แผลใหม่ กัดกินความน่าเชื่อถือพรรคตัวแปรที่ถูกคาดการณ์จะเป็นตัวเลือกข้างให้ฝ่ายใดเป็นรัฐบาลรอบหน้า
ตัวแปรสำคัญโดนสกัดหัวทิ่ม แต้มต่อที่เคยมีเป็นกอบเป็นกำ โดนเขย่าหนักๆแรงๆหลายครั้ง ก็ต้องมีสะเทือน ออกลูกแกว่งให้เห็น
ภูมิใจไทยออกอาการยุบให้เห็นเมื่อไร แต้มหายแน่ แต่คะแนนที่หายไปจะไปหล่นอยู่กับใคร
ตามแนวโน้มที่คะแนนของฝ่ายอนุรักษนิยม ยังไงก็ต้องไหลวนเวียนในฝ่ายเดียวกัน ไม่มีทางเปลี่ยนไปให้ฝ่ายตรงข้ามแน่
เข้าทาง “บิ๊กตู่” รอช้อนแต้มจาก “ภูมิใจไทย” ในฐานะตัวเลือกที่เหลืออยู่ที่มีภาษีดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษนิยม.
ทีมข่าวการเมือง