“เศรษฐา ทวีสิน” รับตอบเร็วไป หลังถูกจี้ถาม “ต้องเป็นนายกฯ เท่านั้น” ย้ำ เป็นนายกฯ ก็ดีเพราะผลักดันได้ทุกนโยบาย แต่ทำงานได้ทุกหน้าที่ในพรรคเพื่อไทย ปัดพูดไปเพราะหวังกดดัน
วันที่ 3 มี.ค. 2566 หลังการหารือกับหอการค้าไทย-จีน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยหลังการหารือว่า การค้าขายกับจีนเป็นเหมือนหุ้นส่วนทางการค้า วันนี้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคมนาคม เรื่องการขนส่งเชื่อมต่อระหว่างไทยจีนผ่านลาว ซึ่งทางนายกสมาคมได้ให้ข้อคิดไว้ดี ถ้าจะทำให้ทำเรื่องที่ง่ายก่อน เช่น การสร้างรถไฟความเร็วสูงจากขอนแก่น ไปหนองคาย และจากหนองคายไปลาว ที่จะส่งสินค้าไปจีนได้ทันที ซึ่งจะช่วยเรื่องค้าขายได้ดี แต่เรื่องที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวจีน ที่ติดปัญหาเรื่องวีซ่าเพราะต้องผ่านหลายขั้นตอนและใช้ระยะเวลานานซึ่งสิทธิ์เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งก็ยืนยันว่าถ้าได้เข้าไปทำหน้าทีก็จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนการทำธุรกิจในไทยนั้นค่อนข้างลำบาก ผลักดันให้ถูกต้องจะทำให้ประเทศไทยเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น โดยเศรษฐาระบุว่าวันนี้มาแลกเปลี่ยนเงินจริงไม่ใช่มานั่งคุยกันเฉยๆ แล้วจะไม่ให้ครั้งสุดท้ายหลังจากนี้ก็จะมีการหารือกันอีกครั้งในวงย่อย
โดย นายเศรษฐา ย้ำว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสบริหารประเทศ จะมีวิธีการทำงานที่ใหม่โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างไทยกับจีนให้ดียิ่งขึ้น
...
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังชี้แจงถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ ให้สัมภาษณ์บางสื่อไปว่า รับตำแหน่งเดียว คือตำแหน่งนายกฯเท่านั้น โดยยอมรับว่าช่วยการตอบคำถามเมื่อวานนี้มีความสับสน เลยพูดออกไปแบบนั้น แต่ ณ วันนี้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และต้องได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยชัดเจนจะส่งสามคนแน่นอน จากนั้นคณะกรรมการบริหารจะต้องไปคัดเลือก ว่าใครจะได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนี้
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า แต่ส่วนตัววันนี้มาทำงานช่วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่หากไม่ใช่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรก็ไม่ขอรับ ซึ่งก็จะคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง และเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยต่อไปได้ และขณะนี้ก็เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยอยู่ ที่จะให้คำแนะนำ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาของทีมเศรษฐกิจ หรือสุดท้ายแล้วจะทำงานแต่ไม่มีตำแหน่งก็ทำได้ โดยไม่ได้บอกว่าจะต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แต่ถ้าหากต้องมีตำแหน่ง หรือจะไปขับเคลื่อนอะไรสำคัญจริงๆ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจ ก็จะทำได้จริงทุกนโยบาย
“ผมจะเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ได้ เป็นที่ปรึกษาที่ไม่ต้องมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการกับใครในพรรคเพื่อไทย ก็ยังทำงานต่อไปได้และผมก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ไม่อยากทำให้เข้าใจผิดว่าอยากมีอำนาจทางการเมือง จะกลับไปเป็นนายเศรษฐา ที่แสนสิริ ก็ไม่มีปัญหา” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่าการประกาศตัวแบบนี้เป็นการกดดันพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐา ยืนยันว่า ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้กดดันพรรคเพื่อไทย เพราะรู้จักกันมานาน รู้จักตัวตนกันเป็นอย่างดี และเรื่องจะกดดัน หรือจะไปอ้อมค้อมไม่มีแน่นอน เพราะไม่ใช่นิสัยส่วนตัวของตน และผู้บริหารพรรคตั้งแต่ยุคเก่า ก็รู้ดีว่าเป็นคนยังไงว่าตนนั้นเป็นคนอย่างไร ดังนั้น เรื่องนี้ไม่มีแน่ และยังย้ำว่าไม่ได้ถูกชวนมาทำงานในพรรคเพื่อไทยเพียงแค่ตำแหน่งเดียว แต่เพราะเป็น อุ๊งอิ๊ง เป็นคนมาชวน มาเป็นที่ปรึกษาด้วยความเต็มใจและรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ทำหน้าที่นี้
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังปิดท้ายว่า วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่สื่อห้อมล้อม แต่ยังตื่นเต้นขาสั่น และก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป
ด้าน นายกสมาคมหอการค้าไทยจีน กล่าวว่า วันนี้ได้นั่งฟังนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายข้อก็เห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการทำรถไฟความเร็วสูง ซึ่งหากทำสำเร็จทำให้สินค้าจะทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายได้ดีขึ้น รวมถึงชาวจีนก็จะเดินทางมาท่องเที่ยว แล้วทำการค้าในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น