พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นพรรคใหม่ แต่นักการเมืองที่ร่วมกันบริหารพรรคอยู่ขณะนี้ ส่วนใหญ่ระดับเก๋ากึ๊ก เป็น “เหล้าเก่าในขวดใหม่” แต่การประสานงานยังมีปัญหา การปราศรัยใหญ่ที่นครราชสีมา นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ยิ่งใหญ่สมกับราคาคุย
การปราศรัยใหญ่ที่โคราชที่นายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค รทสช.ประกาศว่าเป็น “บ้านเกิด” ของตน ถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา ร้อง กกต.ให้ตรวจสอบ มีการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะคำปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค ที่กล่าวพาดพิงถึงสถาบัน
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า อาจขัดระเบียบการหาเสียงของ กกต. “นักร้อง” อีกท่านหนึ่งคือ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย ถามว่า กกต.เตือนบ้างไหม การนำสถาบันมาหาเสียง ไม่สามารถทำได้ ถ้าเชื่อมโยงไปถึง ม.92 (2) ของ พ.ร.ป.พรรค อาจถือเป็นปฏิปักษ์ประชาธิปไตย
กฎหมายถือว่าเป็นความผิดรุนแรง โทษถึงยุบพรรค แต่น่าสงสัยว่าการที่มีผู้กล่าวอ้างถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการหาเสียงจะผิดกฎหมายหรือไม่ ทุกพรรคต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะขณะนี้ก้าวเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง และรัฐบาลนี้จะเป็น “รัฐบาลรักษาการ” หลังการยุบสภา
รัฐธรรมนูญห้ามรัฐบาลรักษาการ ไม่ให้อนุมัติโครงการ หรือกระทำการที่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลต่อไป ห้ามอนุมัติงบประมาณสำรองรายจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ห้ามใช้ทรัพยากรและบุคลากรของรัฐ เช่น รถหลวง นํ้ามันหลวง พนักงานขับรถหลวง เพื่อหาเสียงเลือกตั้ง ห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ผู้สมัครและพรรครัฐบาลจะต้อง ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นพรรคที่มีอำนาจ อาจใช้อำนาจรัฐเอื้อการหาเสียงเลือกตั้ง และอาจจะต้องระมัดระวัง ในการแข่งกันประกาศนโยบายประชานิยม แจกเงินประชาชนเท่ากับเอาเงินภาษีประชาชนมาซื้อเสียงประชาชน ซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรง
...
พรรคอื่นๆที่ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด เช่น ห้าม “จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาจะให้ทรัพย์สิน” หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจผู้เลือกตั้งให้ลงคะแนน ขณะเดียวกัน กกต.ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติ.