“เสี่ยหนู” เย้ย “ชูวิทย์” กลัวจะจอดอยู่แค่หนองแค หลังขู่บุกล้มพื้นบุรีรัมย์ โว กระแส กทม. ดีวันดีคืน กระแสลบยิ่งทำให้พรรคดัง
วันที่ 28 ก.พ. 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่ท่าเรือวัดระฆัง เขตบางกอกน้อย ถึงการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ประเมินเสียงตอบรับดีขึ้นมากตั้งแต่ปี 2562 ปีนี้พรรคภูมิใจไทยมีการนำเสนอทีม กทม. อย่างจริงจัง นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาเป็นแม่ทัพดูแลผู้สมัครในเขต กทม. เราทำความคุ้นเคยกับประชาชนมานาน ชัดเจนว่าชาว กทม. ให้ความเชื่อมั่นกับพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น จากผลงานตลอด 4 ปี ประชาชนเห็นความตั้งใจทำงาน ถึงแม้เราไม่มี ส.ส.ใน กทม. แต่ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุ จะมาล้มพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ตอบในเรื่องนี้ว่า เชื่อมั่นเกิน 500 ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ติดตามเราด้วยความเป็นธรรม เชื่อมั่นในพรรคภูมิใจไทยและเชื่อมั่นในตน ในตัวของนายพุทธิพงษ์ และตัวของทีมงานพรรคภูมิใจไทย มากกว่าคนที่ออกมาพูดแน่นอน
เมื่อถามย้ำว่ามีการระบุพาดพิงไปถึง นายเนวิน ชิดชอบ และบอกว่าจะไปบุกที่ จ.บุรีรัมย์ นั้น นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ขอให้ฟังเสียงหัวเราะก่อนที่บอกว่าจะไป จ.บุรีรัมย์ กลัวว่าจะไปจอดอยู่แค่ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ตรงนี้มองว่าเป็นแค่สีสันทางการเมือง”
ส่วนการออกมาของ นายชูวิทย์ เป็นการจ้องดิสเครดิตหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า การถูกดิสเครดิต ก็ต้องถามว่าแปลว่าอะไร แสดงว่าเรามีเครดิต เราเอาผลงานและการทำงานพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์พรรคภูมิใจไทย และตรงนี้ทำให้สื่อสนใจมากขึ้นเพราะเราเป็นข่าวทุกวันเลย แต่ก็สามารถชี้แจงได้ทุกวันเช่นกัน เพราะสิ่งที่เขาพูดมันเก่าทั้งนั้น ตนเคยพูดในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ปี 2565 มาแล้ว ตอนที่พรรคก้าวไกลอภิปราย ก็ชี้แจงไป โดยขอย้ำว่าพรรคภูมิใจไทย เราใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และสุขภาพ สิ่งที่เราทำมาตลอดก็ถือว่าอยู่ในกรอบ
...
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามอง นายชูวิทย์ รับจ้างมาเป็นมือปืนในเรื่องนี้หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เป็นเรื่องการเมืองแน่นอน โดยพื้นฐานไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน ไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องทองแน่นอน “ส่วนจะเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ ผมก็กังวลว่ามีข่าวผมให้เงิน 50 ล้านบาท ถ้าผมมี 50 ล้านบาท ผมจะให้คนแบบนี้ถือเงินหรือครับ คิดแบบนี้ก็แล้วกัน มันจะเป็นไปได้อย่างไร อย่าว่าแต่ 50 ล้านเลย แค่ 1 แสนผมก็ไม่ให้”