ประธานคณะก้าวหน้า บรรยายที่ มธ. ชี้ไม่แปลกใจคนรุ่นใหม่สิ้นหวังกับอนาคต เหตุไร้งานที่ดีหลังจบ ผลักสถานการณ์สังคมสูงวัย-เด็กเกิดน้อยจนน่าห่วง ขออย่าเพิ่งย้ายไปไหน ไทยยังต้องการนักวิทย์อีกมาก

วันที่ 23 ก.พ. 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมบรรยายในหัวข้อ “การปรับตัวและรับมือของนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ในยุค Technology Disruption” ให้แก่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยนายธนาธร ได้เริ่มต้นการบรรยาย ด้วยการถามคำถามต่อนักศึกษาทุกคนในห้อง ว่าใครบ้างที่คิดว่าเมื่อเรียนจบไปแล้วตัวเองจะมีอนาคตที่สดใส หางานที่มั่นคง ตั้งตัวได้ เลี้ยงพ่อแม่ สร้างครอบครัว มีอนาคตที่ดีรออยู่ หรือคิดว่าตัวเองจะหางานที่ดีได้ลำบาก มองไม่เห็นทางที่ชีวิตจะมีความมั่นคงพอสร้างครอบครัวได้ ซึ่งปรากฏว่านักศึกษาส่วนใหญ่ยกมือตอบอย่างหลัง ก่อนที่ธนาธรระบุว่าทุกครั้งที่ตัวเองได้ไปบรรยายที่ใดก็ตาม จะถามคำถามนี้กับนักศึกษาเสมอ และคำตอบที่ได้ก็เป็นแนวเดียวกัน ว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกหมดหวังกับการมีอนาคตในประเทศไทย

ประเทศไทยในขณะนี้ได้เข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัยอย่างเป็นทางการแล้ว ที่น่ากังวลกว่าคืออัตราเด็กเกิดใหม่เอง ก็ตกลงจากประมาณ 1 ล้านคนต่อปี เมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว มาเป็นปีละแค่ 5 แสนคนต่อปีในปัจจุบัน และหากไปดูสถิติที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง จะเห็นว่าตำแหน่งงานที่มีรายได้ดีในบริษัทที่มีความมั่นคง เปิดรับเด็กจบใหม่ทั้งประเทศอยู่ที่ไม่เกินปีละ 3-4 หมื่นตำแหน่งเท่านั้น และต่อให้เด็กจบใหม่ได้เข้าไปทำงานในตำแหน่งเหล่านั้น แต่ด้วยอัตราเงินเดือนที่ขึ้นตามรอบปกติ เมื่ออายุถึง 30 ปี ต่อให้สองคนสามีภรรยารวมกัน ก็ยังไม่สามารถผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ส่งลูกเรียนในโรงเรียนดีๆ ได้

...

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จำนวนประชากรเกิดใหม่จะลดลงเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่สามารถสร้างงานดีๆ ได้เพียงพอกับจำนวนคนที่เกิดมาในประเทศได้ อัตราการเกิดจึงลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประชากรวัยทำงานหนึ่งคนก็จะต้องแบกรับภาระในการดูแลประชากรวัยเด็กและผู้สูงวัยมากขึ้นด้วย รายจ่ายของประเทศจะมากขึ้นจากการดูแลเด็กและผู้สูงอายุที่มากขึ้น แต่ภาษีที่เก็บได้จะน้อยลงจากประชากรวัยทำงานที่ลดลง

นายธนาธรกล่าวต่อไป ว่าทางออกของประเทศไทยจากสถานการณ์ขาดแคลนประชากรวัยทำงานในอนาคตมีแค่สองทางเลือก คือการเปิดให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากขึ้น หรือการเพิ่มผลิตภาพต่อหัวแรงงานของคนไทย ซึ่งสำหรับตัวเองแล้วทางเลือกหลังเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน แต่จะทำเช่นนั้นได้ สิ่งที่จำเป็นมากๆ คือประเทศไทยต้องมีเทคโนโลยีที่ทันโลกเป็นของตัวเองให้ได้ ซึ่งก็จะต้องอาศัยเครื่องมือหลักคือวิทยาศาสตร์ และคนอย่างนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ฯ ทุกคนนี่เอง ก็คือคนที่ต้องอยู่แถวหน้าของการพัฒนาประเทศ

“ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับสังคมไทย เราเป็นประเทศที่ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางมานานมากแล้ว วันนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วก็แก่ เข้าสู่สังคมชราภาพเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือเขารวยแล้วแก่ ของเราแก่ก่อนรวย วิธีที่จะทำลายวงจรนี้มีอย่างเดียว คือประเทศต้องมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง ประเทศของเราต้องการนักวิทยาศาสตร์อย่างพวกคุณ เพราะฉะนั้นขอนะครับ อย่าเพิ่งย้ายประเทศกันนะครับ ไปเรียนชั่วครั้งชั่วคราวหาประสบการณ์ได้ แต่ขอให้กลับมาช่วยสร้างประเทศของเราด้วยกัน” นายธนาธรกล่าว