"พิธา" ร่ายยาวถึง "ปิยบุตร" หลังออกมาติงการทำหน้าที่ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล แนะ พอได้แล้ว เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พร้อมย้อนเล่าถึงครั้งที่ถูกขอให้เป็นผู้นำพรรคคนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการครบรอบ 3 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ และความในใจหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์รวมถึง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในทำนองว่า ครบรอบ 3 ปีที่ฝ่ายชนชั้นนำพยายามบดขยี้พวกเรา พรรคการเมืองฝ่ายค้านหน้าใหม่ทั้งๆ ที่มีอายุไม่กี่ขวบดีด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน ยังเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่ตนเองทำหน้าที่ผู้นำของพรรคที่ไม่มีแม้แต่ชื่อในตอนนั้น ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาจนเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ อีกทั้งรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตที่ได้นำทัพพรรคก้าวไกลทำงานทั้งในสภาและนอกสภาตลอดช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดของประเทศ แม้ว่าการทำงานของตนจะห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ ซึ่งรู้ตัวเองดี แต่ก็ทุ่มเททั้งตัวและจิตวิญญาณเท่าที่มีให้กับการทำงานการเมือง ประกอบกับ ความช่วยเหลือและการทำงานเป็นทีมของพวกเราทีมงานพรรคก้าวไกลทุกคน ทำให้เราฆ่าไม่ตายอย่างที่พวกเขาหวังไว้ แต่กลับโตขึ้นอย่างที่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรายังย้ำคำว่า เราคือผู้คนและการเดินทาง

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พิธา ลิ้มเจรญรัตน์ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, พิธา ลิ้มเจรญรัตน์ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล

...

ปิยบุตร แสงกนกกุล
ปิยบุตร แสงกนกกุล

พร้อมเล่าย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้ว ยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี ตอนที่พรรคเริ่มโดนกล่าวหา เริ่มมีคดียุบพรรค ตนเองและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลปัจจุบันหลายท่าน ถูก นายปิยบุตร ดึงเข้าไปเตรียมพร้อมกรณีเหตุการณ์แย่ที่สุดเกิดขึ้น คือ พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เพื่อเตรียมรับมือการทำลายความฝันพวกเรา ณ ตอนนั้น ไม่มีใครพร้อมรับการนำธง ส่วนตนเองก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวลูกสาวเพิ่งจะ 2 ขวบ แม้จะพร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อพรรค ทั้งสุขภาพ ชีวิต ครอบครัว แต่ขอเหลือไว้อย่างเดียวที่ทิ้งไม่ได้ คือบทบาทความเป็นพ่อของลูกสาว นายปิยบุตร เข้าใจและยอมรับเงื่อนไข ถ้าไม่มีใครยอมรับตำแหน่งจริงๆ ตนเองจะรับให้ ซึ่งโครงสร้างบริหารพรรคต่อจากอนาคตใหม่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตามข้อบังคับพรรคใหม่ ตามความปรารถนาของสมาชิกพรรคใหม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง

นายพิธา เล่าต่อถึงครั้งหนึ่งที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยพูดว่า "อีกหน่อยเราอาจจะต้องทะเลาะกันหนักมากนะ แต่ถึงยังไงขอให้จบกันในพวกเราเอง เป็นมืออาชีพ ไม่ปล่อยความขัดแย้งไปข้างนอก" ซึ่งขณะนั้นได้พยักหน้าและบอกไปว่า "เรื่องแบบนี้ในการเมืองเกิดขึ้นบ่อย และ Professionalism ที่พื้นฐานในการทำงานไม่ว่าจะองค์กรในคือ Praise in Public, Criticize in Private ผมเห็นด้วยกับพี่" ซึ่งเวลานั้นมี นายปิยบุตร อยู่ด้วย ก่อนจะระบุต่อไปว่า น่าเสียดายที่ต้องมาสื่อสารกันทางนี้

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

"สิ่งที่คุณปิยบุตรพูดถูกคือ การเมืองคือความเชื่อ ศัตรู 100 คนพูด 100 ครั้งก็ไม่น่าเชื่อ เท่าคุณปิยบุตรพูดซ้ำๆ ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรค ทุกอย่างเป็นเรื่องอนาคต จะจริงไม่จริงไม่รู้ แต่คำพูดมันมีน้ำหนักของมัน พูดอะไร ไม่เท่ากับว่า ใครเป็นคนพูด อะไรที่เป็นความเชื่อ มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา แล้วความฝันของคนหลายร้อย คนที่ทำงานอย่างหนักต้องมาสูญเปล่า"

ทั้งนี้ อีก 3 เดือนก่อนเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย ในขณะที่องคาพยพพรรคก้าวไกลกำลังเข็นครกขึ้นภูเขา สู้กับอำนาจรัฐ อำนาจทุน ด้วยทรัพยากรจำกัด เราค่อยๆ วางแผนทีละเขตๆ ที่มีโอกาสชนะอย่างละเอียด อาสาสมัครกำลังหาสมาชิกเพิ่มให้ ทีมจังหวัดเราเตรียมจัดงานแต่ตี 5 ทำพื้นที่ล่วงหน้า จัดเวที ทุกคนเดินทางไปหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อที่จะไปสื่อสารวิถีก้าวไกล เพื่อน ส.ส. เตรียมอภิปราย 152 จนโดนคดีเป็นร้อยล้าน ในขณะที่พวกเรากำลังทำแบบนี้ นายปิยบุตร กลับปล่อยเขื่อนออกมาที่ละโพสต์ ให้น้ำไหลออก ซัดครกที่พวกเราเข็นอย่างเหน็ดเหนื่อย ไล่ลงมากองใหม่ จนบางทีเราลืมไปแล้วว่าศัตรูตัวจริงคือใครของเรา เรากำลังสู้กับใคร เพื่ออะไร

ในช่วงท้าย นายพิธา บอกว่า ในฐานะที่เป็นผู้นำพรรค เชื่อว่าเราทุกคนรับการวิจารณ์ได้ เพราะโดนมาตลอด 3 ปี เข้าใจว่าเป็นอิสรภาพในการแสดงออก ตนเองก็เป็นคนฟังแต่ยังไม่เชื่อ แต่ถ้าถึงขนาดมาจากคนที่เคยขอร้องให้มารับตำแหน่งหัวหน้าในวันที่ไม่มีใครรับ ตนเองคงต้องมาทบทวนกันใหม่กับเวลาที่เหลืออยู่ พร้อมขอให้ นายปิยบุตร ทบทวนด้วยเช่นกัน โดยระบุ 2 ข้อดังนี้

1. นายปิยบุตรต้องเลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เลิกทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ ทำตามที่ นายธนาธร เคยขอไว้ กลับมาช่วยกันเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทำให้คนที่เคยปรามาสอนาคตใหม่ ก้าวไกล คิดผิด และอนุญาตให้ตนและอีกหลายร้อยชีวิตที่พรรคมีสมาธิในการทำงานโค้งสุดท้าย

2. ปล่อยให้เราเสียสมาธิจนเราลืมไปว่าศัตรูตัวจริงของเราคือใคร ทิ้งโอกาสในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทิ้งหยาดเหงื่อแรงงานของสมาชิกพรรค ทีมงานพรรค และปล่อยให้ 3 ป. ยังสืบทอดอำนาจต่อไป

"ผมไม่แน่ใจว่าคุณปิยบุตรจะทำแบบนี้ไปอีกเท่าไร ผมว่าพอได้แล้วครับ แล้วมาเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะต่างคนต่างทำก็ตาม".