“เต้ มงคลกิตติ์” อภิปราย 4 ประเด็นอัดรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ขอบคุณได้ทำหน้าที่ ส.ส. ตลอด 4 ปี ขอคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ ด้าน ส.ส.รวมไทยสร้างชาติ ลุกประท้วงขอให้ถอนคำพูดเรื่องทุจริต
เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 15 ก.พ. 2566 เข้าสู่การอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี หรือ การอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งเจ้าตัวเริ่มต้นการอภิปรายว่า รัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไร้ปัญญาในการบริหารเศรษฐกิจ หาเงินไม่เป็น เก่งสร้างหนี้สินให้ประเทศ ให้ประชาชน ปล่อยลูกสมุนทุจริตทุกรูปแบบ ทำประชาชนสิ้นหวัง อับเฉาแล้วยังอยากอยู่ต่อ พร้อมกล่าวใน 4 ประเด็น
1. บริหารเศรษฐกิจพัง ประชาชนเป็นหนี้ ไร้ซึ่งอนาคต
2. ปล่อยยาเสพติดทุกประเภทเต็มเมือง
3. พัวพันเงินทุจริตอีบิดดิ้ง (e-bidding) ภาครัฐ-เงินบ่อนออนไลน์-เงินส่วย เอาไว้ใช้ในการเลือกตั้ง
4. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พยายามออกกฎหมายขายแผ่นดินให้ต่างชาติ และเงินกู้ให้รัฐบาล เพื่อรักษาอำนาจ

...

ในระหว่างการอภิปรายย้อนไปถึงการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 และกล่าวถึงการตั้งคำถามเรื่องทุจริต นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงว่า ผู้อภิปรายใส่ร้ายป้ายสีนายกรัฐมนตรีโดยตลอด ทั้งที่ไม่เคยมีคำตัดสินในเรื่องการทุจริต และขอให้ถอนคำพูดว่าทุจริตเดี๋ยวนี้ ทางด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่า ติดตามการอภิปรายมาโดยตลอด เป็นการอภิปรายเพื่อเสนอแนะ พร้อมเตือนไม่อยากให้ย้อนไปสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ เนื่องจากเกินกว่ารัฐบาลชุดนี้ทำหน้าที่แล้ว และขอให้อภิปรายในประเด็นที่รัฐบาลชุดนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ มีข้อบกพร่องอย่างไร เสนอแนะมา
ขณะที่ นางบุญญาพร กล่าวต่อไปว่าขอให้ถอนคำพูด “ท่านนายกฯ ทุจริต” ซึ่ง นายมงคลกิตติ์ ระบุต่อไป ไม่ได้บอกว่านายกฯ ทุจริต นายศุภชัย จึงขอให้ทั้งคู่จบในประเด็นนี้ นายมงคลกิตติ์ จึงได้อภิปรายต่อไปว่า รัฐธรรมนูญ 2560 เขียนให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน โหวตนายกฯ ได้ เป็นการดีไซน์การทุจริตเข้าสู่อำนาจ มีการดูด ส.ส., ซื้อ ส.ส., ปล้น ส.ส. พรรคอื่น เรียกว่าทุจริตแบบปล้นสะดมผู้แทนราษฎร จากนั้นประธานในที่ประชุมขอให้ถอน นายมงคลกิตต์ ยอมถอน และเปลี่ยนเป็นทาบทาม ส.ส.


อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้าย นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า เป็นครั้งสุดท้ายของสภาชุดนี้ ตนเองทำหน้าที่ 3 ปี 11 เดือน โดยเป็นฝ่ายรัฐบาล 11 เดือน หน้าที่ฝ่ายค้านและฝ่ายค้านอิสระ 3 ปี มีความภาคภูมิใจมาก พูดได้ว่าเป็นผู้แทนจากราษฎร 100% ด้วยความสุจริต ไม่ได้ซื้อเสียงแม้แต่คะแนนเดียว และในวันที่ 17 ก.พ. 2566 จะคืนอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนมอบให้เกือบ 4 ปีเต็มให้ประชาชน 66 ล้านคน เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 7 พ.ค. 2566 ว่าผู้แทนราษฎรเช่นตนเองยังมีประโยชน์ต่อประเทศไทย ประชาชนไทยหรือไม่ พร้อมทุ่มเทเพื่อประชาชนให้ประเทศดีกว่าเดิม จนกว่าจะหมดแรงและลมหายใจ ก่อนจะจบการอภิปรายในเวลา 14.25 น. และยังมีการก้มลงกราบในสภาฯ ด้วย.