11 องค์กรผู้แทนนิสิต นักศึกษา ส่งจดหมายเปิดผนึก ถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรียกร้อง 4 ประการ ถึงกระบวนการยุติธรรม ต่อกรณี ถอนประกันตัวเองและอดอาหารประท้วง ของตะวัน-แบม และความอยุติธรรมของผู้ต้องขังคดีทางการเมือง
วันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 11 องค์กรผู้แทนนิสิต นักศึกษา ส่งจดหมายเปิดผนึก ถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เรียกร้อง 4 ประการ ถึงกระบวนการยุติธรรม ต่อกรณี ถอนประกันตัวเองและอดอาหารประท้วง ของตะวัน-แบม และความอยุติธรรมของผู้ต้องขังคดีทางการเมือง
จดหมายเปิดผนึก 11 องค์กรผู้แทนนิสิต นักศึกษาถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
เรื่อง กรณีการถอนประกันตัวเองและอดอาหารเพื่อประท้วงความอยุติธรรมของผู้ต้องขังคดีทางการเมือง
ปัจจุบันมีเยาวชน นิสิตนักศึกษา และประชาชน ถูกดําเนินคดีทางการเมืองจํานวนมาก อันเกิดจาก การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือเสรีภาพในการชุมนุมตามวิถีประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็น กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความผิดที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท พระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากฎหมายแห่งรัฐ กลับถูกเผด็จการทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งผู้มีความเห็นต่างทุกรูปแบบ เพื่อต่อต้านอํานาจ อธิปไตยของปวงชนชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด อาทิ การตั้งข้อหาผู้ทําโพลสํารวจความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ หรือแม้แต่การจับกุมประชาชนผู้โพสต์ข้อความ “#กล้ามาก #เก่งมาก #ขอบใจ” ในสื่อสังคมออนไลน์
สถานการณ์การเมืองดังกล่าว ทําให้ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ ออกมาแถลงการณ์เพื่อประท้วงความอยุติธรรมของศาลและเสริมกระดูกสันหลังให้พรรคการเมืองทั้งหมด 3 ประการ โดยมีใจความดังต่อไปนี้
...
1. ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อันคํานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอันดับแรก
2. ยุติการดําเนินคดีความกับประชาชนที่ใช้สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองและการชุมนุม
3. พรรคการเมืองทุกพรรคต้องเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน โดย การยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 116
เหตุการณ์ดังกล่าว นําไปสู่การร้องขอถอนประกันตนเอง ในวันที่ 16 มกราคม 2566 เพื่อประท้วง ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นและทวงคืนสิทธิการประกันตัวผู้ต้องขังจากการแสดงออกทางการเมือง ในคดีมาตรา 112 และเพื่อการยกระดับข้อเรียกร้อง ตะวันและแบม จึงทําการอดน้ําและอาหาร กระทั่งสุขภาพทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วตามลําดับและอาจจะมีความเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้ เหล่าองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษาจึงมิอาจนิ่งนอนใจอยู่ได้และขอตั้งข้อสังเกตทางกฎหมายบางประการอันเกี่ยวกับการใช้ดุลยพินิจไม่ปล่อยตัวชั่วคราว และเหตุการณ์ถอนประกัน จากกรณีดังกล่าว โดยใช้หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง ความว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษา อันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้” ซึ่งเจตนารมณ์แห่งบทบัญญัติดังกล่าว เป็นเครื่องมือสําคัญในการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยภาระการพิสูจน์ว่า เป็นผู้กระทําผิดย่อมตกอยู่กับฝ่ายผู้กล่าวหา และจะไม่มีใครถูกตัดสินว่ามีความผิดจนกว่าจะมีการพิสูจน์โด ปราศจากข้อสงสัยอันสมเหตุสมผล รวมไปถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทําความผิดทางอาญา จะต้องได้รับ การปฏิบัติตามหลักดังกล่าว
จนบัดนี้ ได้มีข้อพิสูจน์มากเพียงพอแล้วกับกรณีการยกฟ้องคดีทางการเมืองไปจํานวนมาก จากการ
พิสูจน์ทราบว่าจําเลยมิได้กระทําความผิด ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้วกระบวนการยุติธรรมไทยจะปล่อยปละละเลยให้มีการนําการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชนนํามาสู่การออกคําสั่งให้ต้องโทษอยู่ร่ำไปได้เช่นไร
จนบัดนี้แล้ว กระบวนการยุติธรรมไทยยังกล้าเอ่ยวาทกรรม “ความเป็นกลางและเป็นอิสระ” เพื่อแสดงความชอบธรรมขององค์กรอยู่ต่อได้เช่นไร
เหล่าองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษา จึงไม่ขอนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ดังกล่าว และขอเรียกร้อง 4 ประการ ถึงกระบวนการยุติธรรมสืบเนื่องจากอุดมการณ์ของ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ ดัง ต่อไปนี้
1. วาทกรรม “ความเป็นกลางและเป็นอิสระ” ขององค์กรตุลาการและกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะเป็นอิสระต่อนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว ท่านจะต้องเป็นอิสระต่ออุดมการณ์ ที่ท่านสังกัด รวมถึงเป็นอิสระต่ออํานาจทางการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพื่อผดุงความยุติธรรมอย่างแท้จริงเอาไว้
2. ยุติการดําเนินคดีทางการเมืองและปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทั้งหมดทันที โดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์และการสื่อความหมาย โดยวิธีอื่น รวมถึงมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
3. ในกรณีฟ้องร้อง ออกคําสั่ง หรือจับกุม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง ให้สันนิษฐานว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ มิจํากัดสิทธิใด ๆ และให้สิทธิในการประกันตัว ทั้งนี้ในกระบวนการยุติธรรมหากมีเหตุ ในการถอนประกัน ศาลสามารถยกคําร้องการถอนประกันนั้นได้ เนื่องจากคําร้องนั้นเป็นการจํากัดสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน
4. ขอให้คํานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เนื่องจากมนุษย์ทุกคนมีคุณสมบัติ จิตใจ และสิทธิเฉพาะตัว ที่พึงสงวนไว้มิให้บุคคลอื่นละเมิดได้ หากสิทธิที่ตนมีมิได้ละเมิดสิทธิผู้อื่น ดังนั้นการใช้อํานาจของกระบวนการยุติธรรมต้องคํานึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล จากการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
สุดท้ายนี้ พวกเราในนามของผู้แทนของเหล่านิสิตและนักศึกษา ขอให้ท่านพึงระลึกไว้เสมอว่าอํานาจสูงสุดแห่งรัฐคืออํานาจของปวงชนชาวไทย จงระลึกไว้เสมอว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หาใช่อภิชนาธิปไตยที่พวกท่านกําลังหลงระเริง
ด้วยความศรัทธาในอํานาจของประชาชน เครือข่ายองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษา 11 องค์กร
องค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
สภานักศึกษา องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี