โต๊ะละ 3 ล้าน 170 โต๊ะ เป็นเงิน 510 ล้านบาท

แค่งานเดียวพรรคพลังประชารัฐระดมทุนได้ไปเนื้อๆ เปรียบเป็นหุ้นมีอนาคต คนรุมแย่งกันจอง

โดยธรรมชาติของกลุ่มทุน นักธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้า สายตาแหลมคม มองสถานการณ์ทะลุ

ตามฟอร์มของพรรคการเมืองที่ทุ่ม “แทงเต็ง” ได้ ยังไงทีมของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าค่าย พปชร. ก็ต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลหลังการเลือกตั้งรอบหน้า

ที่สำคัญยังขยับกลับมาเป็น “ตัวเต็ง” แย่งชิงธงแกนนำจัดรัฐบาล

ภายหลังการเสริมทัพอย่างมียุทธศาสตร์ ด้วย “บิ๊กดีล” ดึงทีมเทคโนแครต มือบริหารอาชีพของ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯมือเศรษฐกิจ ทั้งนายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน รีเทิร์นกลับถิ่นเก่า

แต่งหน้าเค้ก ขายภาพเชิงบริหารเศรษฐกิจ เพิ่มน้ำหนักความเป็นไปได้ในการนำนโยบายไปปฏิบัติ

เคลมลิขสิทธิ์ “บัตรคนจน” สารพัดยี่ห้อพลังประชารัฐ ได้เต็มปากเต็มคำ

เพราะทีม “สมคิด” ที่เป็นต้นคิดและคนทำ ตัวจริงเสียงจริงกลับมาเดินหน้าสานนโยบายต่อแล้ว

พรรคพลังประชารัฐกลบ “จุดบอด” เสริมจุดแข็งของป้อมค่ายที่เต็มไปด้วยกองกำลัง “นักเลือกตั้งอาชีพ” กลุ่มก๊วนต่างๆที่ยังปักหลักอยู่กับ “บิ๊กบราเธอร์” ครบหน้าครบตาการันตี ส.ส.เขตพื้นที่

มีทั้งบุ๋น ทั้งบู๊ ประสานพลัง “เทพ-มาร” บนดิน ใต้ดินครบเครื่อง

...

มันคือ “คุณสมบัติ” ของ “แกนนำรัฐบาล” ตามธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ

เอาเป็นว่าในสายตาโคตรเซียนการเมืองฟันธงตรงกัน การเดินหมากตาสำคัญที่ พล.อ.ประวิตร เปิดบิ๊กดีลดึงทีม “สมคิด” รีเทิร์นกลับพรรคพลังประชารัฐ ช็อตเดียวกิน 3-4 เด้ง

ทำให้ “พี่ใหญ่” พลิกกลับมาถือแต้มต่อ “น้องเล็ก”

ตามสภาพที่เห็นกันตรงหน้า สถานการณ์ของค่ายรวมไทยสร้างชาติ ทีมหามแห่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยังเด่นแค่งานอีเวนต์ปั่นกระแส

แต่เนื้อในยังกลวง กองกำลัง ส.ส.มีแต่พวกดาวกระจาย เกรดบี เกรดซี ตัวชัวร์ๆที่จะปักหมุดเขตพื้นที่ยังหร็อมแหร็ม แถมขาดตัวโชว์ขายเชิงบริหารด้านเศรษฐกิจ

ยังติดๆขัดๆ ทั้งที่เหลือเวลาอีกไม่กี่อึดใจ ต้องเข้าสนามรบแล้ว

แนวโน้มยังมองไม่ออกว่า “บิ๊กตู่” จะงัดทีเด็ดอะไรมาพลิกเกมในห้วงนาทีท้ายๆใกล้หมดเวลาเต็มแก่

ที่แน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ “คั่วไพ่หน้าเดียว” ไฟต์บังคับค่ายรวมไทยสร้างชาติต้องเกาะขบวนกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเท่านั้น ถึงจะสานฝันผู้นำทหารเฒ่าเบิ้ลเก้าอี้นายกฯรอบสาม

ตามอาการแบบที่ “บิ๊กตู่” ขยะแขยงแสลงหู ไม่อยากได้ยินชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”

ปิดประตูดีลข้ามขั้วกับพรรคเพื่อไทย

ตรงกันข้ามกับค่ายพลังประชารัฐ ที่ “บิ๊กป้อม” ปูทางล่วงหน้าด้วยยุทธศาสตร์ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง พร้อมหลอมรวมทุกฝ่ายให้ประเทศชาติเดินหน้าจากที่ติดหล่มมาหลายปี

“พี่ใหญ่” เดินเกมเขี้ยว คั่วไพ่ได้ทุกหน้า

ในอารมณ์ที่ทีม “นายห้างดูไบ” พรรคเพื่อไทยก็ไม่กล้าปิดประตูล็อกตายเหมือนกัน แม้จะขึ้นเวทีปราศรัยยืนยันไม่มีการฮั้วกับค่ายพลังประชารัฐ เคลียร์ไม่ให้กองเชียร์สับสน ส่งผลต่อคะแนนนิยมในสนามเลือกตั้ง

แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่กล้าพูดชัดๆว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ปัดดีลข้ามขั้วกับทีมของ “บิ๊กบราเธอร์” ออกตัวแค่ว่า การจับขั้วรัฐบาลต้องรอหลังรู้ผลเลือกตั้งก่อน

อ่านเกมลึกๆ ก็เปิดทางเผื่อรอไว้เหมือนกัน

และมันเป็นอะไรที่เห็นได้ชัดเจนขึ้นทุกขณะ กับปรากฏการณ์ของฝั่งโหนประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยกับทีมคนรุ่นใหม่ ค่ายก้าวไกล เริ่มหันปลายกระบอกปืนมาถล่มกันเองแรงขึ้นทุกที

อารมณ์แบบที่ “เจี๊ยบ นครปฐม” ฟาดกลับ “โทนี่ ดูไบ” ไม่ไว้หน้า

ว่าด้วยการชิงฐานมวลชน แย่งผู้สนับสนุนที่นับวันจะไหลตามคนรุ่นใหม่ ตามเหลี่ยมแบบที่ “ทักษิณ ชินวัตร” แนะพวกสุดโต่งไปอยู่กับค่ายสีส้ม ดึงอารมณ์พวกกลัวอันตรายกลับมาเลือกพรรคเพื่อไทย

“นายใหญ่” ชิงผลักค่ายก้าวไกลไปล่อเป้าฝ่ายคุมเกมอำนาจลำพัง

นั่นหมายถึงพรรคเพื่อไทยก็พร้อมดีลเงื่อนไขเพื่อความสงบสุข ชิ่งหนีเกมบู๊ทะลุดุดัน และมันก็ตรงกับยุทธศาสตร์ที่ พล.อ.ประวิตร เปิดประตูรอไว้

สูตรรัฐบาลผสมพลังประชารัฐกับเพื่อไทย เด่นชัดขึ้นตามไฟต์บังคับเกมอำนาจความมั่นคง

พลิกสมการ โอกาสปลดล็อกขั้วขัดแย้งที่ขึงพืดมาหลายปี.

ทีมข่าวการเมือง