“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก กราบสักการะพระพุทธชินราช ดูการบริหารจัดการน้ำ ก่อนไปตามงานบึงบอระเพ็ด ร่วมงาน “แห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ” รับตรุษจีน ชาวบ้านรอมอบดอกกุหลาบถ่ายรูปคู่
วันที่ 20 ม.ค. 2566 ที่ จ.พิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมติดตาม ทันทีที่ถึงได้กราบสักการะพระพุทธชินราช ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร อ.เมือง
จากนั้น พล.อ.ประวิตร เดินทางไปติดตามการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่านางงาม อ.บางระกำ และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่าน ต.พลายชุมพล อ.เมือง

...
โดยพล.อ.ประวิตร รับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่และการก่อสร้างประตูระบายน้ำ 4 แห่ง ได้แก่ ประตูระบายน้ำท่านางาม ท่าแพ บ้านวังจิก และโพธิ์ประทับช้าง ที่เก็บกักน้ำปริมาณกว่า 38 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่รับประโยชน์กว่า 2 แสนไร่ ซึ่งความคืบหน้าการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่านางงาม สำหรับรองรับพื้นที่ 5 ตำบล 1 อำเภอ พื้นที่รับประโยชน์ 51,375 ไร่ พร้อมพบประชาชนและรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ จากประชาชนในพื้นที่บางระกำ ที่เดินทางมาให้กำลังใจและขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่ช่วยแก้ปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างจริงจัง ทำให้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร การดำรงชีพอย่างพอเพียงในฤดูแล้ง

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายว่า ขอให้สทนช.กรมชลประทาน และหน่วยงานในพื้นที่ ประเมินพื้นที่เสี่ยงและเร่งหาแนวทางป้องกันน้ำท่วมจากปัญหาที่ผ่านมา และแก้ไขในทันที โดยให้ความสำคัญในการเร่งดำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและพื้นที่หน่วงน้ำในพื้นที่ โดยเฉพาะการก่อสร้างประตูระบายน้ำท่างาม สำหรับกักเก็บน้ำยม และเขื่อนป้องกันตลิ่งริมน้ำน่านให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เพื่อรองรับน้ำหลากและสะสมเก็บกักน้ำต้นทุนในฤดูฝน รวมทั้งเก็บกักน้ำใต้ดินในคราวเดียวกัน เพื่อขยายขีดความสามารถจัดสรรกระจายน้ำให้ทั่วถึงในวงกว้าง และยังเพิ่มพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้ง โดยรัฐบาลจะขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำไปพร้อมกัน โดยเฉพาะความเร่งด่วนในการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ เพื่อยกระดับศักยภาพของท้องถิ่นและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมถึงความก้าวหน้าการพัฒนาทรัพยากรน้ำในพื้นที่ 2 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ว่า รัฐบาลได้มีการเร่งรัดผลักดันการขับเคลื่อนโครงการด้านน้ำตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 61 - 65) รวมเกือบ 3,000 โครงการ แบ่งเป็น จ.พิษณุโลก 1,881 โครงการ จ.นครสวรรค์ 1,087 โครงการ อาทิ ประตูระบายน้ำท่านางงามพร้อมอาคารประกอบ โครงการก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมน้ำเสีย เทศบาลนครพิษณุโลก แก้มลิงคลองละหานพร้อมอาคารประกอบ แก้มลิงบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนวัดไทรย์ อ.เมืองนครสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ สทนช.บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนการพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้แผนแม่บทน้ำ 20 ปี เพื่อให้ทรัพยากรน้ำของประเทศเกิดความมั่นคงส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่บรรยากาศการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีประชาชนที่มาต้อนรับได้นำดอกกุหลาบมามอบให้ โดยพล.อ.ประวิตร ได้ทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเองและร่วมเซลฟี่ด้วย รวมถึงได้เดินไปทักทายเด็กๆ นักเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันพล.อ.ประวิตร และคณะ เดินทางไปเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ต.พระนอน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อประชุมติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก “สี่แควโมเดล” และมอบนโยบายการพัฒนาแหล่งเก็บน้ำพื้นบึงบอระเพ็ด และโครงการแก้มลิงบ้านแหลมทอง เพื่อเร่งขยายการกักเก็บน้ำสำรองและกระจายน้ำใช้การเกษตร และเยี่ยมชมการแสดงจากชุมชนและพบปะประชาชน
ทั้งนี้ในช่วงเย็นพล.อ.ประวิตร มีภารกิจเพิ่มเติม โดยจะเดินทางไปร่วมงานประเพณี แห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ 2565-2566 ประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่หาดทรายต้นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีนายสมบัติ กิตติพงษ์พัฒนา ประธานคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ ต้อนรับ พร้อมและชมการแสดงสิงโตโหงวซก 5 ชาติพันธุ์ ก่อนเดินทางกลับกทม.
