- เข้าสู่ปี 2566 การเมืองไทยยิ่งเริ่มร้อนระอุ เมื่อทุกพรรคการเมือง เริ่มเปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนมากขึ้น ว่าใครจะไปอยู่ฝั่งใคร
- แม้ว่า พรรคเพื่อไทย จะยังไม่ประกาศชัดว่าใครคือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่หลายคนก็ปรามาสไว้ว่าคงไม่พ้น ลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร ถึงแม้จะมีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาฯ โผล่มาเป็นกระแสก็ตาม
- ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เจ้าเก่าที่เคยครองแชมป์เป็นพรรคใหญ่ ครั้งนี้กระแสกลับไปเทที่พรรคภูมิใจไทย และรวมไทยสร้างชาติแทน แต่จะว่าไปอะไรก็เป็นไปได้ เมื่อกระแสคนใต้ยังรัก ส.ส.ประชาธิปัตย์ เหนียวแน่น ถึงแม้ชื่อคนที่อยากให้เป็นนายกฯ จะเป็น “ลุงตู่” ไม่ใช่นายหัว “จุรินทร์” ก็ตาม

ขั้วใหญ่เปลี่ยนไปเมื่อการเมืองเปลี่ยน
การเลือกตั้งปี 2566 ดูท่าจะเข้มข้น พรรคเล็ก พรรคใหญ่ รวมถึงพรรคใหม่ๆ ที่หน้าเก่าทางสนามการเมือง ต่างเดินสายกันหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ที่คิดไว้ว่าเลือกตั้งหน้าจะได้เก้าอี้แน่ๆ
...
หลังจากการมาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ภาพการเมืองขั้วใหญ่ ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ก็เริ่มเปลี่ยนหน้าไปอย่างชัดเจน เมื่อทุกคะแนนเสียงไม่สามารถตกน้ำได้ พรรคเล็กและพรรคขนาดกลางก็สามารถยืนขึ้นมาผงาดได้ในหน้าการเมือง มีอำนาจต่อรองในสภาค่อนข้างสูง

ภูมิใจไทยพลังดูด แรงดีเมื่อใกล้เลือกตั้ง
การเมืองเริ่มเปลี่ยนฉากชัดขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 กระแสพรรคการเมืองระดับกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย ยิ่งโดดเด่นกว่าใคร ประกอบกับงูเห่าที่เลี้ยงไว้เป็นตัวการันตี ส.ส.คนอื่นๆ ว่า พรรคนี้เลี้ยงดูปูเสื่อดีจริง พ่วงด้วยนโยบายกัญชาที่ใกล้ถึงฝั่ง ยิ่งเป็นจุดขายในการหาเสียงครั้งหน้าได้ง่ายขึ้น
พลังดูดยิ่งชัดเจน จากการได้บ้านใหญ่ศรีสะเกษ มาจากอกพรรคเพื่อไทย อย่าง นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ และนายปวีณ แซ่จึง ก่อนจะต่อด้วยนายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ และนายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ดับฝันการประกาศแลนด์สไลด์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย

และภาพยิ่งชัดเจนไปอีกขั้น ในงานวันเกิดของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อ ส.ส.ต่างพรรคถึง 28 คนไปร่วมงานด้วย ตั้งแต่ พรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐ พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคชาติพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์
“อะไรก็ตามที่เป็นพลวัต มีการขับเคลื่อน ยิ่งขับเคลื่อนแรง ก็จะเกิดสภาวะดึงดูด นี่เป็นหลักฟิสิกส์ เปรียบเวลาขับรถเล็กตามรถบรรทุกยังมีโอกาสถูกดูดเข้าไป ทั้งหมดนี้มันคือการดึงดูดโดยพลวัต น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่พรรคภูมิใจไทยขับเคลื่อนนโยบายทุกอย่าง แม้ช่วงนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของสมัยสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทยก็ยิ่งต้องทำงาน ไม่ใช่จะหยุดทุกอย่างแล้วลงไปหาเสียง ขออย่ามองว่าเป็นการดูด แต่ทั้งหมดคือแรงดึงดูด” นายอนุทิน กล่าว

จากพ่อสู่ลูก กับคนไทยที่ยังไงก็ไม่ลืมชายที่ชื่อ “ทักษิณ”
ส่วนอีกขั้ว คือพรรคเพื่อไทย การก้าวขึ้นมาเปิดหน้าของ อิ๊งค์ “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาว ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ถือเป็นพลังดูดระดับแม่เหล็ก ทำให้ ส.ส. ที่ดูเหมือนจะย้ายพรรค กลับใจอยู่ต่อ ส่วนคนเก่าที่หนีหายไปก็กลับมา ขณะที่การประกาศแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินของ แพทองธาร ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม
เป็นที่รู้กันดีว่าพื้นที่ภาคเหนือ และอีสานของไทย ที่มีประชาชนมากที่สุดของประเทศ ส่วนใหญ่เทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย เพราะชื่นชอบในตัว “ทักษิณ” อีกทั้งการทำพื้นที่ของ ส.ส. ที่เป็นวัฒนธรรมปลูกฝังระดับราก ตั้งแต่ร่วมงานบวช งานแต่ง ไปจนถึงงานศพ ของ ส.ส.ในพื้นที่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ชาวบ้านจะเทคะแนนให้

อีกเรื่องที่สำคัญ นั่นคือ นโยบายยุคทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกับทุกรัฐบาล ว่าเป็นการวางกลยุทธ์ที่เฉียบคม ประกอบกับวิสัยทัศน์ที่มองขาดของ “ทักษิณ” ที่แม้จะโดนคดีหนักหน่วง และกลายเป็นคนแดนไกลอยู่ดูไบ แต่คนไทยก็ยังไม่ลืมชายที่ชื่อ “ทักษิณ” ได้สักที
“ขอขอบคุณที่ให้โอกาสมาทำงานในฐานะที่ปรึกษาฯ และจะตั้งใจเต็มที่ แม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นในฐานะคนไทย ในฐานะลูกของพ่อ และย้ำว่า คุณพ่อไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ประชาธิปัตย์ต้องคัมแบ็ก กับเลือดไหลออกลอตใหญ่
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เจ้าเก่าต้องลุ้นชะตากรรมว่า จะรักษาเก้าอี้ 52 ที่นั่งให้ได้มากกว่าเดิมตามที่ เลขาธิการพรรค อย่าง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประกาศกร้าวไว้ได้หรือไม่ว่า หากประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา จะขอวางมือ เลิกเล่นการเมือง ท่ามกลางลูกพรรคแห่ย้ายหนีลอตใหญ่ไปซบพรรคลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะกระแสมันชัด คนใต้ยังเอาประยุทธ์ แต่ยังกาคะแนนให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์
ผนวกกับความหวังพลิกฟื้นพื้นที่กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ประชาธิปัตย์ต้องคัมแบ็ก หลังเลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่ได้สักเก้าอี้ แถมการส่งตัว นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ยังได้คะแนนแค่หลักแสน

พี่น้องแยกกันเดิน กับความหวัง 25 ที่นั่ง
ขณะที่ยุทธศาสตร์การแยกกันเดินของ 2 ป. พี่ชาย อย่างลุงป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กุมบังเหียนพรรคพลังประชารัฐ ส่วนลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติและการผสานแรงดูด ส.ส.ตัวได้เก้าอี้ของพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้พรรคลุงตู่ได้ ส.ส.ตามเป้าหมาย 100 ที่นั่ง หรือจะแค่เก้าอี้ 25 ที่นั่ง ก็เหนื่อยกันแล้ว


ผู้เขียน : Supattra.l
กราฟิก : Sathit chuephanngam