“ชูวิทย์” ฝากถึง “บิ๊กตู่” จะเป็นนักการเมืองต้องครองใจประชาชน ใช้ความเป็นทหารปกครองไม่ได้ จี้ อย่านิ่งเฉยทุนจีนสีเทา แขวะ ถึงไม่ได้เป็นนายกฯ ประเทศก็ไม่ได้ล่มสลาย เชื่อใกล้สิ้นอำนาจวาสนา 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เคลื่อนไหวผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก เมื่อเวลา 18.24 น. วันที่ 6 ม.ค. 2566 โดยโพสต์ข้อความถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายหลังจากวันนี้นายกรัฐมนตรีออกอาการฉุนหลังจากที่ถูกผู้สื่อข่าวถามเรื่องมีชื่อหลานชายมาเอี่ยวในคดีตู้ห่าว ว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายกรัฐมนตรี ต้องการดำรงคงอำนาจต่อไปโดยวันที่ 9 ม.ค.นี้ เตรียมไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

นายชูวิทย์ ระบุต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่วันนี้อยากผันตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว ซึ่งนักการเมืองต้องเข้าถึงประชาชนทุกชนชั้น ไม่ใช่ใช้ความเป็นทหารมาปกครองบ้านเมืองได้ตลอดไป การที่เป็นทหาร แต่ไม่ได้ปกครองทหาร จึงต้องครองใจประชาชนถึงจะประสบความสำเร็จ เพราะนักการเมืองย่อมต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน นี่เป็นสาเหตุที่ 8 ปี สะท้อนถึงสิ่งที่ประชาชนเบื่อหน่ายต่อตัวท่าน แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเป็นนายกฯ อีกครั้ง ควรรู้จักที่จะปกครองประชาชน จะเอาแต่ใช้วิธีทหาร จัดการเรื่องความทุกข์ร้อนของประชาชนได้อย่างไร แสดงท่าทีสั่งการ หรือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อถูกถามสิ่งที่ไม่ถูกใจไม่ได้

“วันนี้ท่านไม่ได้ต้องการชนะสงคราม แต่ต้องเอาชนะใจประชาชนให้ได้ การนิ่งเฉยของท่านจึงไม่ใช่ท่าทีของผู้นำประเทศที่ดี จะใช้นิสัยกึ่งทหาร กึ่งนักการเมือง ก็ไม่ได้ครับท่านนายกฯ ประยุทธ์ อย่าไปคิดว่าสมัยหน้าท่านจะได้คะแนนมากพอ จะอยู่ต่อด้วยการอาศัยเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ท่านแต่งตั้งขึ้นเอง หรือไปเชื่อบรรดาคนที่ล้อมรอบตัวท่าน ยกยอปอปั้นจนไม่ลืมหูลืมตา คิดว่าประเทศนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะปกครองบ้านเมืองได้ ท่านไม่เป็นนายกฯ ประเทศไทยก็ยังอยู่บนแผนที่โลก ไม่ได้ล่มสลายหายไปไหน นับแล้ววันๆ หนึ่ง ท่านคงพบคนแค่ไม่กี่คนบนหอคอยงาช้าง ท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง และชะโงกมองลงมาที่คนข้างล่างบ้าง หากจะเอาแต่ให้จัดการกันเองคงไม่ไหว เพราะลูกน้องท่านไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยคงพัง เพราะท่านใช้วิธีการปกครองที่ผิด ที่สำคัญ ไม่มีใครไปบังคับท่านให้เป็นนายกฯ ท่านอยากเป็นของท่านเอง ไม่มีใครไปข่มใจให้ท่านเป็นได้ มันเป็นการตัดสินใจของท่านแท้ๆ”

...

ในขณะที่เรื่องบ้านเมือง ทุนจีนสีเทา นายกรัฐมนตรีจะเงียบและนั่งฟังรายงานแบบทหารระดับสูงอย่างเดียวไม่ได้ หากไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คงไม่มีใครไปตอแยเซ้าซี้ แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าควรลงมาล้วงลูกในเรื่องสำคัญๆ บ้างเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลของบ้านเมือง ไม่อย่างนั้นก็อย่าไปเป็นนักการเมืองเลย มาลองเป็นประชาชนดูว่าวันหนึ่งเมื่อท่านหมดสิ้นอำนาจวาสนา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคงเร็วๆ นี้ จะรู้สึกเหมือนที่ตนเองรู้สึกไหม.