คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ทส. สรุปผลตรวจสอบข้อเท็จจริง “รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา” อธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว พบมูลความผิดทางวินัยเรียกรับเงินจริง ส่งไม้ต่อให้ปลัด ทส. ตั้ง “เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ” รองปลัด ทส. เป็นหัวหน้าคณะสอบสวนทางวินัยร้ายแรงให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน ชี้โทษสูงสุดถึงไล่ออก ส่วนจะสาวถึงตัวใหญ่หรือไม่เป็นหน้าที่ตำรวจ “วราวุธ” ย้ำความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการทำงาน ข้าราชการคนไหนมีเรื่องร้องเรียนติดต่อโดยตรงได้

กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ทส. สรุปผลสอบอธิบดีอุทยานฯเรียกรับเงิน เปิดเผยขึ้นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 ม.ค. นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัด ทส. ฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการในสังกัด แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตนเป็นประธาน มีหน้าที่หาข้อเท็จจริงภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2565 นำข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชน ผู้ที่ปรากฏชื่อรวมทั้งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และเรียกนายรัชฎามาชี้แจงข้อมูล ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และจะนำเอกสารอธิบายข้อกล่าวหาซึ่งจะต้องมายื่นให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดของตนภายในวันที่ 10 ม.ค.นี้ นอกจากนี้ยังพิจารณาข้อมูลการจับกุมของตำรวจในบางส่วน

“จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า มีมูลความผิด ทางวินัยในการเรียกรับเงินจริง ส่วนรายละเอียดการสอบสวนคงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎาแล้ว ถือว่าเป็นกระบวนการทำงานตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ปกติแล้วระยะเวลาการดำเนินการจะประมาณ 30 วัน แต่เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากอาจขยายเวลาได้” นายกุศลกล่าว

...

ถามว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องที่เหนือกว่านายรัชฎาหรือไม่ นายกุศลกล่าวว่า ตนไม่ทราบ จะทราบต่อเมื่อมีการดำเนินคดีทางอาญา เมื่อถึงวันนั้นคงจะทราบตัวผู้เกี่ยวข้อง ทส.มีหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษทางวินัยเท่านั้น ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ที่จะส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ โทษวินัยมีตั้งแต่ภาคทัณฑ์ไป จนถึงไล่ออก ถามว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ที่จะพบเงินหลักล้านในห้องอธิบดี นายกุศลกล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่จะพบเงินจำนวนมากในห้องอธิบดี เพราะสมัยนี้คนส่วนใหญ่ใช้เครดิตการ์ดแทนเงินสดกัน

ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ลงนาม แต่งตั้งนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัด ทส. เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎาแล้ว นายเถลิงศักดิ์เผยว่า เพิ่งเห็นคำสั่งแต่งตั้งยังไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก แต่เบื้องต้นจะเรียกประชุมคณะกรรมการฯเพื่อหากรอบแนวทางการสอบสวนทางวินัยนายรัชฎา วางแผนว่าจะเชิญใครมาสอบสวนหรือให้ข้อมูลในวันเวลาใดบ้าง และกรอบการทำงานจะมีแนวทางอย่างไร คำสั่งนี้มีกรอบเวลาการทำงานภายใน 30 วัน ตนจะทำงานอย่างเต็มที่ ตอนนี้คงบอกอะไรมากไม่ได้ ต้องรอผู้เกี่ยวข้องก่อน

ที่พรรคชาติไทยพัฒนาวันเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการสอบสวนข้อเท็จจริง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดว่า ได้รับรายงานจากนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส.ว่า นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ข้อสรุปและเสนอเรื่องไปยังปลัดกระทรวงเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายรัชฎา ปลัดกระทรวงลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว ส่วนการสอบผู้อำนวยการสำนักต่างๆยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอยู่ กว่าจะเสร็จสิ้นคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ปลัดกระทรวง ทส.ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง แสดงว่าผลการสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีมูลใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นส่อไปในทางมีเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ถือเป็นความเห็นของคณะกรรมการที่เสนอขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ตนมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง ย้ำถึงความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการทำงาน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก หากเพื่อนข้าราชการคนใดรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่มีความยุติธรรมในการทำงาน หรือมีประเด็นใดให้ส่งคำร้องมาได้ตามช่องทางปกติของกระทรวง หรือส่งจดหมายถึงตนโดยตรง หรือแม้แต่เคยมีคนมาบอกกับตนด้วยตัวเองก็มี เรื่องจะได้รับการตรวจสอบและดำเนินการ ในทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น

“ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงทุกคน ยังมีความเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ตามระบบกระทรวง ตนย้ำกับปลัดกระทรวงและระดับผู้บังคับบัญชา ขอให้ดูแลทุกข์สุขของประชาชนไปพร้อมกับทุกข์สุขของเพื่อนๆข้าราชการผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน ทุกคนเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้นโยบาย ทส.หนึ่งเดียว ส่วนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นั้น ทางกระทรวงยังไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม หากทางหน่วยงานที่ไต่สวนขอเอกสารใดๆทางกระทรวงยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องปกปิด ส่วนขั้นตอนการไต่สวนต้องแล้วแต่หน่วยงานนั้นๆว่า มีขั้นตอนอย่างไร คืบหน้าอย่างไร” นายวราวุธกล่าว