เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดูเหมือนจะเป็นหนังม้วนยาว หลังผ่านเหตุวันเสียงปืนแตก ผู้ก่อความไม่สงบรวมตัวเข้าปล้นปืน ณ กองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย และได้อาวุธปืนไปกว่า 413 กระบอก

จากวันนั้นถึงวันนี้เหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 19 ปี แต่สถานการณ์ยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติ และส่อเค้าว่าจะมีเหตุรุนแรงต่อเนื่อง

แม้รัฐบาล กองทัพ ทหาร จะระดมทุกสรรพกำลังลงไปในพื้นที่ โดยมี กอ.รมน.ภาค 4 เดินหน้าบูรณาการเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น มุ่งหวังสถานการณ์เบาบางและยุติ เพื่อเกิดความสงบสุขในพื้นที่ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะผู้ก่อเหตุได้ยกระดับสร้างสถานการณ์ นำมาเป็นข้อเรียกร้อง

โดยใช้การก่อเหตุรายวัน มุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ทั้งชาวไทยพุทธ มุสลิม หรือแม้แต่สถานที่สำคัญ ทำให้การเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเข้มข้น และปรับแผนเป็นฝ่ายรุก เพื่อป้องปราม โดยทำงานพร้อมกับการสร้างมวลชน

...

พร้อมนำแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อยอดการทำงาน สนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน ภายใต้กรอบแนวทางยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ร่วมใจชาวประชา นำพาสู่สันติสุข ตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน

ขณะที่ฝ่ายความมั่นคง ก็เดินหน้าบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายคู่ขนาน โดยใช้กฎอัยการศึกที่ประกาศใช้มาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นเมื่อ 19 ปีที่แล้ว รวมถึงพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ยังต้องใช้ถึงปัจจุบัน โดยมีการต่ออายุ ขยายเวลาทุก 3 เดือนมาแล้วถึง 70 ครั้ง

ปัจจุบันแม้เหตุลดน้อยลง แต่ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ก็ยังอยู่อย่างหวาดกลัว เพราะขบวนการผู้ก่อเหตุมีการสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นรุ่นๆ และมีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนสถานที่ก่อเหตุไป แม้เจ้าหน้าที่รัฐจะพยายามใช้วิธีการเมืองนำการทหาร ด้วยการเจรจาผ่าน คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนงานมวลชนโดย กอ.รมน.ภาค 4 กองทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังคงเดินหน้าสร้างความสงบสุข เพื่อนำสันติสุขกลับคืนสู่คนพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสริมงานด้านการข่าว และทุ่มเทงบประมาณลงไปจำนวนมหาศาล แม้จะผ่านมาแล้ว 9 รัฐบาล 7 นายกรัฐมนตรี รวมถึงการใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 4.9 แสนล้านบาท แต่ก็ยังเป็นความหวังที่จะได้ความสงบสุขคืนมา

ล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แจกแจง สถิติเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 จนถึงปัจจุบัน หรือ 19 ปีเต็ม มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งหมด 16,489 เหตุการณ์ ในจำนวนนี้เป็นเหตุความมั่นคงมากถึง 10,376 เหตุการณ์ ที่เหลือเป็นอาชญากรรมทั่วไปและยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุได้

เมื่อแยกแยะรูปแบบการก่อเหตุร้ายตลอด 19 ปี มีเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ ดังนี้ คือ

1. การโจมตีที่ตั้ง 51 เหตุการณ์
2. การซุ่มโจมตี 197 เหตุการณ์
3. การลอบยิง 9,797 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 4,440 เหตุการณ์
4. การลอบวางระเบิด 3,805 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 3,739 เหตุการณ์
5. การลอบวางเพลิง 1,759 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 1,530 เหตุการณ์
6. การสังหารโหดด้วยวิธีทารุณ 108 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 92 เหตุการณ์
7. การประสงค์ต่ออาวุธปืน 180 เหตุการณ์
8. การลอบทำร้ายด้วยรูปแบบต่างๆ 491 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 49 เหตุการณ์
9. เหตุก่อกวน ซึ่งมีการนับสถิติแยกจากเหตุรุนแรงทั่วไป มีทั้งสิ้น 3,690 เหตุการณ์ ประกอบด้วย

- ยิงรบกวน 377 เหตุการณ์
- ขว้างระเบิดเพลิง 81 เหตุการณ์
- เผายางรถยนต์ 472 เหตุการณ์
- โปรยตะปูเรือใบ 230 เหตุการณ์
- ตัดต้นไม้ขวางถนน 143 เหตุการณ์
- ถอดหมุดรางรถไฟ 45 เหตุการณ์
- วางวัตถุต้องสงสัยตามสถานที่ต่างๆ 438 เหตุการณ์ และอื่นๆ อีก 1,904 เหตุการณ์

ส่วนการนับสถิติการยิงปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กับกลุ่มก่อเหตุรุนแรงรวมไปถึงบุคคลต้องสงสัยมี จำนวน 359 เหตุการณ์


ขณะที่ปี 2565 "กองทัพภาคที่ 4" ได้สรุปตัวเลข ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบในจชต. มี 23 ศพ บาดเจ็บ 144 ราย เฉพาะเหตุความมั่นคง ประกอบด้วย ตำรวจ เสียชีวิต 6 นาย บาดเจ็บ 58 นาย, ทหาร เสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บ 33 นาย, ผู้นำท้องถิ่น เสียชีวิต 2 ราย, ประชาชนทั่วไป เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 53 ราย

นอกจากนี้ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาฯ ศอ.บต. ให้ข้อมูล 2566 เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมกว่า 5,836 ราย บาดเจ็บกว่า 12,541 ราย พิการหรือทุพพลภาพ 885 ราย รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 19,262 ราย

"ศอ.บต. มีหน้าที่ในการดูแล ช่วยเหลือ เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยร่วมกับคณะกรรมการพิจารณา 3 ฝ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ หากเกิดจากการกระทำของผู้ก่อเหตุความรุนแรง จะมีการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาทั้งในกรณีที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บตามหลักเกณฑ์"

นอกจากนี้ ศอ.บต. ยังประเมินสถานการณ์ของผู้ได้รับผลกระทบ โดยการจัดทำระบบฐานข้อมูล เพื่อติดตามการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเป็นรายกรณีให้ครอบคลุมต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และจากการขับเคลื่อนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 และศอ.บต. ได้เร่งเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกิดขึ้นรู้สึกว่าภาครัฐทอดทิ้ง สามารถลุกขึ้นยืนและก้าวเดินได้อีกครั้งในสังคมอย่างมีความสุข โดยมีเป้าหมายเดิมพันคือ สันติสุขจะต้องเกิดขึ้นกับพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน

ผู้เขียน  :  ยุทธจักรเขียว

กราฟิก  : Chonticha Pinijrob