“อนุทิน” เผย ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางรับนักท่องเที่ยว ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ซื้อประกันครอบคลุมรักษาโควิด-19 พร้อมเฝ้าระวังกลายพันธุ์ จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 ม.ค. 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์หลังการประชุมเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า วันนี้เป็นการทำความเข้าใจเรื่องของการรับนักท่องเที่ยว ทั้งด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว และสาธารณสุข โดยแต่ละหน่วยงาน รับทราบมาตรการและรับปฏิบัติ ขณะที่กรุงเทพมหานคร พร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี ยืนยันว่ามีมาตรการพร้อมรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ และสามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ตลอดตามความเหมาะสม โดยจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารขอให้คงมาตรฐาน SHA+ และผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่าประเทศที่มีข้อกำหนดให้นักท่องเที่ยวจะต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศตัวเองนั้น จะต้องซื้อประกันสุขภาพ ทุกประเทศไม่เฉพาะแค่ประเทศจีน โดยเงื่อนไขของประกันเป็นไปตามหลักสากลในการรักษาพยาบาล และยังครอบคลุมโควิด-19 หากตรวจพบสามารถรักษาตามปกติ ส่วนประเทศใดที่ไม่มีเงื่อนไขต้องตรวจ RT-PCR ขอแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพไว้เช่นกัน เพื่อความสะดวก หากมีการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยจะมีสถานที่รักษา สำหรับประเด็นค่าเหยียบแผ่นดินซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงการท่องเที่ยวถือเป็นคนละเรื่องกันและยังไม่ได้มีผลบังคับใช้

...

นายอนุทิน ระบุต่อไปว่า ในวันที่ 12 ม.ค. นี้ ตนเองพร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเดินทางไปตรวจความพร้อมและดูสถานการณ์การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาถึงไทย ทั้งไฟลต์จากประเทศจีนและอื่นๆ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำหรับมาตรการมีความพร้อมและบางข้อของกระทรวงสาธารณสุขทาง นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด โรคติดเชื้อ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุว่า มาตรการบางข้ออาจแรงไปด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ยังขอคงไว้ในมาตรการที่ปฏิบัติได้และไม่กดดัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ฉะนั้นอย่าเพิ่งไปตื่นตระหนกจนไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเวลานี้เป็นโอกาสที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียไปให้กลับมาในปีกระต่ายและกระโดดตามกระต่าย

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า หากต้องตรวจ RT-PCR มีความพร้อมรองรับในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า จะใช้ระบบเหมือนที่เคยทำ มีห้องแล็บ คลินิกที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง โดยเสนอให้โรงแรมที่พักจัดซุ้มตรวจให้นักท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกอีกทางหนึ่ง และหากตรวจพบมีการกลายพันธุ์และวัคซีนไม่ครอบคลุมจะต้องมาดู

สำหรับแนวทางการรับนักท่องเที่ยวจากที่ประชุม เป็นดังนี้

มาตรการด้านสาธารณสุข

  • ก่อนเข้าประเทศไทย ให้นักเดินทางฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม
  • หากมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค
  • หากประเทศใดมีข้อกำหนดให้ผู้เดินทางต้องมีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนกลับเข้าประเทศ และต้องซื้อประกันสุขภาพเดินทางที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคโควิด-19 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพหากตรวจพบเชื้อหรือป่วย


มาตรการขณะพำนักในประเทศไทย

  • แนะนำให้ผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ
  • หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK
  • หากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล
  • กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทางมีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

นอกจากนี้ จะมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ความเสี่ยง เช่น อัตราการติดเชื้อสูง หรือพบเชื้อกลายพันธุ์ด้วย โดยจะมีการเฝ้าระวังโรคกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศที่มีอาการทางเดินหายใจ และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีผู้เดินทางจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเพิ่มกลไกการรายงานสถานการณ์ผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรค เน้นจำนวนนักท่องเที่ยวและผลการตรวจคัดกรองผู้ที่มีอาการป่วยทางเดินหายใจที่สนามบิน กำหนดเกณฑ์สำหรับการปรับมาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อในอัตราสูงหรือพบเชื้อกลายพันธุ์ รวมถึงเฝ้าระวังและตรวจเชื้อโควิด-19 ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ทั้งนี้ จะมีการสื่อสารถึงนักเดินทางเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้และเพิ่มความร่วมมือในการลดความเสี่ยงแพร่โรค

อย่างไรก็ตาม กรณีการเตรียมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว นายอนุทิน เผยว่า ให้เพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งสถานพยาบาลและ Hospitel เพื่อรองรับผู้ที่มีผลตรวจพบเชื้อโควิด-19 และขอความร่วมมือให้ผู้บริการในอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและคมนาคมเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิดให้ครบ 4 เข็ม เพื่อความปลอดภัย เพราะถึงแม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงในเวลานี้ แต่ยังคงพบผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยเสียชีวิตอยู่ โดยข้อมูลวันที่ 25-31 ธ.ค. 2565 พบผู้ป่วยปอดอักเสบ 529 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 352 ราย และผู้เสียชีวิต 75 ราย (เฉลี่ย 10 รายต่อวัน) ซึ่งผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 607 ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้น หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงขอให้ให้ทุกคนฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม เพื่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค ลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิต.