"ปิยบุตร" เลขาฯคณะก้าวหน้า ชี้ การเมืองปี 65 แสดงพิษร้าย รธน.ปี 60 ชำแหละ 4 ปี สภา ตอกบัตร เป็นผู้แทนกลุ่มอำนาจ จวกพวกสิงสู่ ขัดขวางประชาธิปไตยล้วนได้ดิบได้ดี เขียน รธน.นึกแต่กีดกัน "ทักษิณ"
วันที่ 1 ม.ค. 66 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ประเมินภาพรวมสถานการณ์การเมืองปีเก่า 2565 ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ว่า ถ้าเรามองภาพใหญ่ทั้งปี น่าจะเป็นปีที่แสดงออกถึงพิษร้าย พิษภัยของรัฐธรรมนูญ 60 เช่น กรณีของรัฐสภา ในส่วนของสภาฯ ถ้าเรานับกลับไปตั้งแต่เลือกตั้งปี 62 เสียงข้างมากของประชาชนจริงๆ ไม่เอาการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หัวหน้าพรรคการเมือง ที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ รวมแล้วเยอะกว่าที่เอา พล.อ.ประยุทธ์ คนที่ไม่เอา ไปร่วมกันเพราะรู้ว่าฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ มี ส.ว.250 คน ไปอยู่ฝั่งนั้นมีโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรีมากกว่า พอเสียงปริ่มน้ำตั้งแต่เริ่มต้นก็ตามมาด้วยการช็อปปิ้งให้ผลประโยชน์แก่ ส.ส.
แม้กระทั่งในกลุ่มของรัฐบาลเองยังแตกแยกกันเพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นแบบสหพรรค ช่วงต้นเรียกว่าฮันนีมูน พอผ่านไปแต่ละพรรคโวยวายเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นรัฐบาลผสมแก้ปัญหาไม่ได้ นายกฯ อยากยึดกุมความเป็นรัฐบาล แต่ปัญหา คือ กระทรวงใหญ่ก็ไปอยู่ในมือของพรรคอื่น รวมทั้งนายกฯ เองก็ไม่ได้เป็นสมาชิก พปชร. ไม่ได้คุมพรรคเอง เป็นปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น
นายปิยบุตร กล่าวว่า ในเรื่องภาพรวมฝ่ายนิติบัญญัตปี 2565 นั้น ในส่วนซีกฝ่ายค้าน ตั้งแต่เริ่มต้นที่อนาคตใหม่ถูกยุบ เจอการดึงตัวส.ส. ทำให้เสียงในสภาฯ ทิ้งขาด จากที่เสียงปริ่มน้ำ การโหวตแต่ละครั้งมันมีลุ้นหมด พอเสียงขาดช่วงปลายปี 2565 การประชุมสภาฯ ถูกลดความสำคัญ ในทางฝ่ายรัฐบาลเขาก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาประชุม เว้นแต่ว่าเรื่องนั้นมีความสำคัญต่อรัฐบาล วันนี้ภาพลักษณ์ของสภาฯ ทำไปทำมาภาพลักษณ์ออกมาที่ไม่ใช่ผู้แทนราษฎร แต่เป็นผู้แทนของกลุ่มก้อนอำนาจต่างๆ แล้ว ท้ายที่สุดมันเหมือนการเข้าเวรตอกบัตร ฉะนั้นแล้วประชาชนที่เฝ้าดูการประชุมก็จะเริ่มมีคำถามว่า ประชุมไปแล้วได้อะไร หรือถ้าจะใช้การลงมติก็จะใช้แบบการเล่นการเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจกัน เช่น การต่อรองของแต่ละพรรค ท้ายที่สุดแล้วผลประโยชน์ของประชาชนที่คิดว่าจะต้องดำเนินการแก้ไขก็ไม่เกิดขึ้นจริง แม้ว่าเราจะมีความพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.ที่สำคัญๆ สุดท้ายแล้วก็ไม่ผ่านอยู่ดี ซึ่งตนมองว่า 4 ปีนี้ โดยโครงสร้างของรัฐธรรมนูญปี 2560 ทำให้ภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร มันไม่ใช่เป็นสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่จะไปในทางผู้แทนของกลุ่มอำนาจทางการเมือง แต่แน่ว่าพอจะมีเลือกตั้งก็จะกลับไปไหว้ประชาชนอีก แต่เมื่อเข้ามาในสภาฯ สักพักก็จะหลุดอีก ซึ่งต้องเข้าใจว่าปัญหานี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย ปัญหาประชาธิปไตยแบบผู้แทนเป็นกันทั่วโลก
...
นายปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนในซีก ส.ว. เป็นปัญหาใหญ่เลย ตนมองโลกในแง่ดีว่าช่วงท้ายท้ายปี ส.ว.จะตัดบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ปรับเลย จะเห็นได้จากญัตติร่างรัฐธรรมนูญต่างๆ ที่ไม่ยอมปล่อย ส.ว. นับเป็นการสมวัตถุประสงค์ของการออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เลยก็ว่าได้ คือมาเป็นเครื่องหมายเครื่องมือในการประกันการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ กับพวกมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือพิทักษ์รักษาระบบนี้คือรัฐธรรมนูญปี 60
นายปิยบุตร กล่าวว่า ในด้านบริหาร หรือฝ่ายรัฐบาลปี 65 นั้น ตนมองว่าปัญหาใหญ่คือพอเป็นรัฐบาลสหพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลิ้มลองแล้วว่าสมัยที่เป็นนายกฯ จากการยึดอำนาจ กับเป็นนายกฯ ที่มีการเลือกตั้งมันไม่เหมือนกัน ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ขาลอย คือไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เวลาผ่านไปนักการเมืองก็ต้องแสดงฤทธิ์เดช คือเป็นเรื่องธรรมดาของระบบผู้แทนฯ ประเทศไทยเหมือนอยู่ในวิกฤติที่ต้องการรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ ภาวะผู้นำเพียงพอ เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอ แต่เรากลับได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ แก้ไขวิกฤติไม่ได้ ทุกวันนี้มีวิกฤติประเทศ และวิกฤติภายในรัฐบาล แล้วก็แก้ไม่ได้ ถ้าเป็นการเมืองเมื่อก่อน ถึงขนาดนี้คงยอมออกกันไปแล้ว แล้วก็ดึงพรรคใหม่มาเสียบ แต่รอบนี้ทุกคนทะเลาะกัน แต่ไม่มีใครยอมออก จนจะหมดอายุสภาฯ แล้วก็ไม่มีใครออก ถือเป็นการเมืองแบบตบจูบๆ กันไปแต่ก็อยู่กันไปได้ ฉะนั้นอย่าหวังว่าจะแก้ปัญหาได้
นายปิยบุตร กล่าวว่า ในฝ่ายตุลาการ หรือด้านองค์กรอิสระปี 65 ก็แสดงให้เห็นถึงรัฐธรรมนูญ เพราะที่มาที่ไปของผู้ที่ไปดำรงตำแหน่งในศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระนั้นมาจาก คสช. สนช.ที่ตั้งมา เห็นได้จากในศาลยุติธรรมที่ถูกพูดถึงในการตีความมาตรา 112 ตนเรียกภาพใหญ่ของกระบวนการยุติธรรมว่าเป็นนิติสงคราม คือ การประหัตประหารกันโดยไม่ต้องใช้อาวุธ แต่ใช้กฎหมายแทน ทำให้องค์กรตุลาการที่เราตั้งความหวังว่าจะเป็นการถูกออกแบบมาเพื่อประกันสิทธิ์ ตรวจสอบอำนาจรัฐ ประกันหลักนิติธรรมนั้นไม่เกิดขึ้นตามหลักความจำเป็น
เมื่อถามถึงช่วงปี 65 มี ส.ว.บางคนพูดถึงการตีความนายกฯ 8 ปี ว่า ไม่อยากให้ไปตีกรอบผู้นำที่ทำงานดี ในเรื่องวาระ 8 ปี นายปิยบุตร หวั่นหรือไม่ว่าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องวาระ 8 ปีอีกในอนาคต นายปิบุตร กล่าวว่า นั่นก็เป็นลักษณะของคนกลุ่มนี้ว่าที่คุณเขียนรัฐธรรมนูญและมาชุมนุม แล้วสุดท้ายจบที่รัฐประหาร วันนี้คุณก็มาได้ดิบได้ดีเป็นองค์กรอิสระบ้าง เป็น ส.ว.บ้าง ถ้าไปย้อนดูคนเหล่านี้มีมานานแล้ว คนเหล่านี้เป็นตัวแทนของเรา บอกที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่เข้ามาสิงสู่ในประชาธิปไตย เพื่อที่จะขัดขวางให้ประชาธิปไตยไปต่อไม่ได้ และตอนที่เขียนรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องระบบการเลือกตั้งแบบปี 62 หรือวาระ 8 ปีของนายกฯ เขียนโดยนึกถึงหน้า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และตัวแทนของนายทักษิณ เพราะคุณรู้ว่าไม่ว่าจะลงเลือกตั้งกี่ครั้งก็จะแพ้กลุ่มนี้หมด.