ก้าวสู่ศักราชใหม่ 2566 ปีกระต่าย ภาวนาให้เป็น “ปีกระต่ายทอง” ของพี่น้องชาวไทย เป็นกระต่ายตื่นตัวรอบคอบสู้สถานการณ์ ท้าทายอย่างกระฉับกระเฉงว่องไว ไม่ใช่กระต่ายตื่นตูม ไร้สติ ประมาท อวดโอ่ มาดมั่น นอนชะล่าใจ ปล่อยให้เต่าต้วมเตี้ยมเดินเข้าเส้นชัย

ปี 2565 ปีเก่าที่ผ่านพ้นไป เป็นห้วงเวลาที่ผู้คนทั้งประเทศต้องอดทนฝ่าฟัน ทั้งมหันตภัยโควิด พร้อมๆไปกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มาซ้ำเติม จนสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ชีวิตความเป็นอยู่หดหู่แสนเข็ญ

ซ้ำยังเป็นปีเก่าที่ทุลักทุเลของฟากฝั่งการเมืองที่กุมอำนาจบริหารชี้ชะตาบ้านเมือง ภายใต้ “รัฐธรรมนูญเพื่อพวกเรา” ใช้ไปตีความไป จนต้องลงมติแก้กติกามาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

ยิ่งช่วงท้ายปลายเทอมห้วงปล่อยผี 180 วันก่อนครบวาระ 4 ปี นักการเมืองพรรคการเมืองจดจ่ออยู่กับการเดินเกมปรับกลยุทธ์ดูดดึง เกทับบลัฟแหลก ทั้งตอกเสาเข็ม-ชูแลนด์สไลด์ ส.ส.พาเหรดย้ายค่ายตีตราพรรค เรียกคะแนนชาวบ้านแต่เนิ่นๆ จนเกิดสภาวะ ส.ส.สันหลังยาว สภาล่มซ้ำซาก จุดพลุต่อว่ากันถึงขั้นกลียุค “ธนกิจการเมือง”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพื่อชิงอำนาจพี่น้อง 2 ป. กินข้าวหม้อเดียวกันต้องเดินไปคนละทาง

“ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” จึงขอเฟ้น “วาทะร้อน” ย้อนการเมืองปีที่ผ่านมาที่สะท้อนสถานการณ์ความขัดแย้งแตกแยก การช่วงชิงอำนาจ เพื่อเป็นข้อมูลติดตามความเป็นไปในทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นตลอดปีนี้

ฟาดกรุยทางสร้างขั้วใหม่

วาทะร้อนของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ครองแชมป์ฟาดแหลกมาทุกปี แต่ปีนี้มีหลายช่วงที่ผิดฟอร์ม โดยเฉพาะระหว่างรอฟังคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี แทบไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากผู้นำ

...

13 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ฟาดไปไกลถึงคนไทยต่างแดน “อย่าไปฟังพวกที่ไม่มีชาติ ส่วนใครที่นานแล้วยังไม่ได้กลับประเทศไทย ไม่ทราบว่าตอนนี้ลืมบ้านเกิดหรือยัง ต้องไม่ลืมชาติกำเนิด เพราะแผ่นดินนี้แผ่นดินเกิด” หลังถูกบีบให้ตอบคำถามเลือกข้างระหว่างสหรัฐอเมริกาหรือจีน

แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยก็ไม่วายโดนเหน็บนโยบายกัญชา ภายหลังปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด 2 วัน พล.อ.ประยุทธ์ระบุ “รับทราบในข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะต่างๆของทุกภาคส่วน ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนว่าการปลดล็อกครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเสพเพื่อสันทนาการ ทุกคนเป็นห่วงกันหมด รัฐบาลก็เป็นห่วง รวมถึงผมก็เป็นห่วงเช่นกัน”

ช่วงระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 19-22 ก.ค. นายกฯฉุนเฉียวแล้วแฉลบไปถึงคนไกลเช่นเคย “ผมไม่ได้พูดว่าตัวเองเก่งที่สุด แต่เมื่อท่านบอกว่ามีคนอื่นเก่งกว่าผม ก็เอากลับมาให้ได้แล้วกัน นายกฯไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่องเหมือนบางคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุด แต่ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”

ส่วนความขัดแย้งระหองระแหงกับพี่ใหญ่ 10 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ออกโรงเตือนสื่อให้ระวังอย่าพาดพิงอักษรย่อ “พ” คนใกล้ตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พร้อมยืนยันไม่เคยมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร

“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับท่านอยู่แล้ว” นักข่าวถามว่ามีการพูดพาดพิงใช้ชื่อย่อ “พ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไปเอ่ยชื่อเขา อย่างนี้ คุณระวังนะ” และสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตรก็แยกทางไปสร้างดาวคนละดวง

ฟาดกับใครก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับฟาดพี่ใหญ่ แยกทางกันให้รู้แล้วรู้รอด!!

หัวร้อนสะบั้นสัมพันธ์

คำพูดร้อนแรงสะท้อนการเมืองแตกหัก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทีเด็ดที่สุดคือการตอบคำถามเชิงคาดเดาในวันนั้น น้อยคนที่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริง และมันยังกลายเป็นชนวนขัดแย้งแยกทางระหว่าง “2 ป.” ในวันนี้

ช่วงเดือน ส.ค.2565 พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ระหว่างที่ทุกฝ่ายกำลังจับจ้องรอคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

“ถ้ายังไม่ครบ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็จะยังคงทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ อาจเป็นนายกฯต่ออีก 2 ปี ก็เตรียมเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวแทนนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ”

เมื่อผลออกมาตามนั้น เกิดกระแสลังเลภายในพรรคพลังประชารัฐ ส.ส.หลายคนพลิกเปลี่ยนมาสนับสนุน “บิ๊กป้อม” ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย หรือถึงขั้นเสนอให้เป็นแทน พล.อ.ประยุทธ์ไปเลย

ก่อนหน้านั้นช่วงเดือน มี.ค. พล.อ.ประวิตรได้ออกมายืนยันคำพูดตัวเองเรื่องการยุบสภาท่ามกลางกระแสข่าวขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ “เรื่องยุบสภา ผมเป็นคนพูดเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะยุบหรือไม่ยุบสภา เพราะรัฐบาลจะว่างช่วงจบเอเปก ยืนยันไม่มีปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์”

และเมื่อช่วงปลายปี พล.อ.ประวิตรปักหลักตอบโต้กับนักข่าวถึงอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ในพรรคพลังประชารัฐ หลังแสดงท่าทีแยกตัวออกไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เมื่อถูกนักข่าวถามว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ขน ส.ส.พลังประชารัฐไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ “ลุงป้อม” ตอบเสียงแข็ง “ไปเลย ไปไหนก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ใครอยากไปไหนเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่ห้าม ผมไม่ห้ามใครทั้งนั้น”

และล่าสุด 13 ธ.ค. ปฏิบัติการดูดสะท้านยุทธจักรของพรรคภูมิใจไทยทำเอา “ลุงป้อม” หัวร้อนกระแทกแดกดัน “เอาไปให้หมดเลยก็ได้ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ผมจะได้ปิดพรรค”

เดือดทุกครั้งเมื่อรู้ว่าถูกดูด ส.ส.ออกจากค่าย สุดท้ายก็แยกทางกับ “บิ๊กตู่” ชิงกันเป็นใหญ่!!

ปวดใจกรีดคนกันเอง

ผ่านร้อน ผ่านฝน ผ่านหนาว เป็นนายกฯ ประธานสภาฯ 2 สมัย “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ และผู้อาวุโสสูงสุดของพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตนมุ่งมั่นยึดหลักการ ซื่อสัตย์สุจริต ต่อต้านการทุจริตทุกลมหาย ใจ กลับมาตกอยู่ในภาวะพรรคขาลงความนิยมจมดิ่ง ที่นั่ง ส.ส.ในสภาร่อยหรอลงเรื่อยๆ

ตกอยู่ในสภาพเลือดไหลออกไม่หยุด กระทั่งเลือดเก่าเลือดแก่ในรายของ “ดร.สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่อยู่กับพรรคมา 30 กว่าปี ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค ย้ายค่ายไปร่วมงานกับพรรคใหม่รวมไทยสร้างชาติ

“นายหัวชวน” เลยต้องออกแอ็กชันเอ่ยปาก สะบัดคมวาทะฝากรอยแผลไว้ตามสไตล์ “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” หลัง “ดร.สามสี” ลูกสะตอรุ่นน้องตีจากประกาศทิ้งพรรค

“ผมไม่อยากให้ใครออก แต่ละคนมีศักยภาพ ก็เตือนอย่าลาออกเลย เท่าที่ดูออกไปแล้วมักมีปัญหาภายหลังทั้งนั้น ช่วงวิกฤติพรรคมีปัญหาไม่ค่อยเป็นที่นิยมโดดเด่นมากนั้น เป็นการวัดความหนักแน่นมั่นคงของคนที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับพรรคในยามรุ่งเรืองในยามตกต่ำอย่างไร”

ที่สำคัญ “นายหัว” ยังสะบัดใบมีดกรีดย้ำสะบั้นแบบตัดเยื่อใยแทบไม่เหลือใจในสัมพันธ์เก่าก่อน ฟาดหนักถึงพฤติกรรมย้ายพรรคเกิดจากแรงดึงดูดที่พิเศษทำวงการการเมืองด่างพร้อย

“ที่ออกไปส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรี ไปอยู่พรรคอื่นไม่แน่ใจว่าจะได้เป็นหรือไม่ พรรคก็สูญเสียคนที่มีศักยภาพแต่การหาคนที่มีความมั่นคงมาร่วมพรรคไม่ใช่ของง่าย บางทีไปทาบทามก็จะถามว่าให้เท่าไร พูดง่ายๆ คือ มีค่าตัว ผมจึงต้องย้ำเรื่องบ้านเมืองสุจริตอยู่บ่อยๆไม่อยากให้เรื่องเงินมาครอบงำการเมือง”

งานนี้ไม่รู้ว่า “นายหัวชวน” กล้ำกลืนฝืนใจแค่ไหน ที่จำต้องสะบัดคมใส่คนกันเอง!!

สวนแหลกป้องกัญชา

เลือกตั้งครั้งต่อไปวางยุทธศาสตร์ท็อปทรี “ค่ายเซราะกราว” ภูมิใจไทย ปักธงเป็นพรรค “นัมเบอร์วัน” ปล่อยแคมเปญ “พูดแล้วทำ” ใส่เทอร์โบเคลื่อนนโยบายกัญชาเต็มสูบ การันตี “พูดแล้วทำ”

หน้าไหนขวาง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข แม่ทัพใหญ่สายเขียว ไม่หวั่นไหว กระซิบเครือข่าย สั่งลูกพรรค ตอบโต้ทุกดอก ย้ำหมุด 3 เวลาหลังอาหาร เน้น “กัญชาทางการแพทย์-เศรษฐกิจ”

พร้อมรุกคืบพื้นที่ภาคใต้ประกาศ “แลนด์สไลด์อันดามัน” เจาะไข่แดงบ้านเกิด “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สัมพันธ์ ภูมิใจไทย ที่มัดข้าวต้ม ประชาธิปัตย์ ต่อรองอำนาจ พลังประชารัฐ กลายเป็นรอยปริร้าว

ศึกในพรรคร่วมรัฐบาลระอุ บานปลายกลายเป็นศึกโค่นกัญชาใส่กันนัว วอร์มอัปก่อนลงสมรภูมิเลือกตั้ง “ค่ายเซราะกราว” ปะทะเดือด “ค่ายสะตอ” สะเทือนตึกไทยคู่ฟ้า อาฟเตอร์ช็อกถึงเวทีสภา ลูกพรรคออกมาขู่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไม่ผ่านสภางานเข้าแน่ “ถึงขั้นยุบสภา”

ไฟลามทุ่งถึง “เสี่ยหนู” พอรู้มีเสียงเรียกร้องเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ถึงขั้นสวมเสื้อราชสีห์คำราม “เป็นเกมการเมือง” เข้าข่าย “ผิดสัตยาบันพรรคร่วมรัฐบาล”

แถมยังเยาะเย้ยใส่คู่ฟัด “ไม่รบกัน เจอหน้ายกมือไหว้สวัสดีเสมอ” ยกตัวข่ม “ไม่เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ” ชนกับเด็กประชาธิปัตย์

ขอเคลียร์ใจกับ “เพื่อนที่เป็น 4 รัฐมนตรีของ ปชป.” เท่านั้น แต่ยังฮึมใส่ “ประชาธิปัตย์รับงานใครมา?”

หนทางร่าง พ.ร.บ.กัญชา ยังขรุขระทุลักทุเล ลุ้นผ่านด่านหินเฮือกสุดท้าย!!

ท้ารบเสรีสายเขียว

เด็ดดอกกัญชาสะเทือนถึงพรรคร่วมรัฐบาล ขีดวงเฉพาะ “เส้นทางการแพทย์” สกัด “กัญชาเสรี” เบรกขาพ่นควันรังสวรรค์แห่งสันทนาการ

ลูกหาบ “ค่ายสะตอ” ของ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับสาส์นท้ารบตีโต้กลับ “แลนด์สไลด์อันดามัน” ระวังเจอ “สึนามิ ทางการเมือง”

เปิดยุทธวิธี “แหย่หนวดหนู” ขู่ฟ่อกลางสภา “คว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา” ขีดเส้นตายให้กลับไปขึ้นบัญชียาเสพติดประเภท 5 แถมให้ถอนสมอเอาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฉบับ กมธ.กลับไปทบทวน ก่อนนำเข้าที่ประชุมสภาวาระสองอีกครั้ง

จุดชนวนสงครามน้ำลาย ฟัดกลับย้อนเกล็ดใส่คู่แข่ง จนภูมิใจไทยที่คัดท้ายหางเสือ กมธ.พิจารณา พ.ร.บ.กัญชา ต้องถอยเพื่อรุกต่อ

“อู๊ดด้า” บลัฟกลับทุกคนมีสิทธิ์ฝัน แต่เป็นจริงแค่ไหนอยู่ที่ชาวบ้าน เคลียร์ชัดตอบเป๊ะใส่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ไม่ใช่เป็นเกมการเมือง แต่ปกป้องอนาคตของประเทศ

ออกตัวไม่ประสงค์โต้กันไปมา แค่เลกเชอร์ถึงเกณฑ์ตัดสินอันไหนเป็นนโยบายรัฐบาล อันไหนไม่ใช่นโยบายรัฐบาล สะกิดนิ่มๆ “ควรเคารพความเห็นต่าง ไม่ระรานคนที่เห็นต่าง”

สุดท้ายเชือดกลับนิ่มๆ ที่ถามรับจ๊อบใครมาขอย้ำว่า “รับงานประชาชนมา” ทิ้งทุ่นชวนสงสัยไม่แน่ใจกฎหมายเสร็จทันผ่านวาระ 3 ก่อนสมัยประชุมสภา

โหมโรงตะลุยในสภา นอกสภา ให้กติกาสมบูรณ์แบบหยุดกัญชาเสรีหลอนสังคม.

ตอกลิ่มทิ่มก๊กทหารเฒ่า

เป็นมือวางอันดับต้นๆเรื่องวาทะร้อน “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” แม้แปลงนามเป็น “โทนี่ วู้ดซั่ม” แต่ความเผ็ดร้อนฝีปากไม่มีลดดีกรี ปีที่ผ่านมารายนี้เอ่ยเมื่อไหร่การเมืองร้อนฉ่าเมื่อนั้น สื่อสารประจำผ่าน “แคร์ทอล์ก แคร์คลับเฮาส์” ของเครือข่าย สับแหลกสุดติ่งยิงส่งตรง

ขาประจำโดน “โทนี่” บอมบ์ใส่เป็นประจำ ไม่พ้นโจทก์ใหญ่ ก๊กทหารเฒ่าทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกอัดเหมาเข่ง “ลุงๆหมดสภาพแล้ว ยิ่งอยู่ยิ่งพัง” ระบุว่าผู้นำอยู่มา 8 ปี เมื่อตอนนี้ชาวบ้านไม่นิยม “ถ้าลาออกตามกติกาเท่กว่าเยอะ” แถมตอกลิ่มเสี้ยมรอยปริร้าว 2 ป. บอก พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร เล่นละครใส่กันตลอด “แต่ในใจ ต่างซื้อเกาเหลามากินคนละโต๊ะ”

ขณะที่กระแสข่าวหนาหู “ดีลลับ” จับมือกับ “พี่ใหญ่” อดีตนายกฯทักษิณ บอกปัดทันที “แม้แต่ฝันยังไม่เคยฝันถึง ไม่รู้จะคุยกันตอนไหน” ตามด้วยเอ่ยปากด้อยค่าพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งร้านใหม่ของผู้นำ เป็นเรื่องยากที่จะได้เกิน 25 ที่นั่ง เพราะเป็นนายกฯอีกรอบก็ได้แค่ 2 ปี เสน่ห์ก็ลดมาก “นึกไม่ออกจะดึงกระแสมายังไง”

ขณะเดียวกัน “ทักษิณ” ยังขยันตีธง “แลนด์สไลด์” โอ่เพื่อไทย “พร้อมสู้ทุกกติกา” โดยเฉพาะผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” เป็นตัวตึงดึงกระแส จ่อดันเข้าบัญชีแคนดิเดตนายกฯ อ่านเกมเลือกตั้ง เพื่อไทยต้องปั่นให้ถึง 280 เสียง แล้วหาแต้มเพิ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นพรรคที่ทำงานร่วมกันมา “พรรคที่ข้ามฟากมามีน้อย”

รวมทั้งไม่ลืมปกป้องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำของเพื่อไทย “แลนด์สไลด์ 2 สมัย ไม่ใช่แค่ 600 อาจเห็น 800 บาทด้วยซ้ำ” ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ถามเอาเงินจากไหน ถือว่าเข้าใจเศรษฐศาสตร์น้อยไป “เงินมีทุกที่ ถ้ามีปัญญา”

เพราะสถานการณ์เข้าทางในยามศัตรูขาลง “โทนี่” ก็ของขึ้น คะนองศึกแบบคึกสุดขีด!!

“ทีมการเมือง”