หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เผยถึงปม "สูตรหาร 100" พร้อมวิเคราะห์การเมืองหลังเลือกตั้งปี 2566 เชื่อ "พรรคเพื่อไทย" จะมาเป็นอันดับ 1
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2565 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ปมปิดดีลพรรคเล็กทางรอดเฮือกสุดท้าย "สูตรหาร 100" ก่อนสูญพันธุ์
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งไฟเขียว เกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งจะใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส. 2 ใบ เป็นแบบแบ่งเขตกับปาร์ตี้ลิสต์ โดยศาลวินิจฉัยมาแล้วว่าให้ใช้สูตรหาร 100 โดยจากการประเมินกันว่าพรรคใหญ่จะได้เปรียบ พรรคเล็กแทบจะสูญ เพราะคะแนนของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เมื่อหาร 100 มาแล้ว 1 คนอาจจะต้องใช้คะแนนเกือบ 3 แสนคะแนน
นพ.ระวี มาศฉมาดล เผยว่า พยายามต่อสู้ว่าสิ่งที่สำคัญคือ รัฐธรรมนูญ 60 มีเจตนารมณ์ 3 ข้อคือ 1. ส.ส.พึงมีระบบจัดสรรทุกคะแนนไม่ตกน้ำ เป็นระบบยุติธรรมที่สุดในระบบการเมือง ฉะนั้นจึงพยายามสู้ว่าให้การเลือกตั้งครั้งหน้าหารด้วย 500 แต่เมื่อศาลวินิจฉัยแล้วว่าหารด้วย 100 ไม่ผิดที่เรายื่นไป ก็ถือว่าสงครามจบ เป็นระบบเลือกตั้ง 2 ใบ แล้วหาร 100 แม้ว่าคุณชวนยื่นหนังสือถึงท่านนายกฯ มีเวลา 5 วันนาทีทองที่ ส.ส. และ ส.ว. จะยื่นค้านได้อีก แต่เราคิดว่าน่าจะพอแล้ว เอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชน เตรียมการเลือกตั้งจะดีกว่า
...
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เผยว่า พรรคเล็กจะหายไปประมาณ 95% ตอนปี 2562 พรรค 1 เสียงมี 13 พรรค, 2 เสียงมี 1 พรรค, 3 เสียงมี 2 พรรค และ 5 เสียงมี 2 พรรค
ยกตัวอย่าง เมื่อปี 2562 ใช้บัตรใบเดียว ปาร์ตี้ลิสต์มี 150 ต้องเอาคะแนนจากเขตมาหาร แต่รอบนี้เอาคะแนนปาร์ตี้ลิสต์อย่างเดียว 100 คน โดยใช้สูตร 100 หาร ประเมินว่าคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส. คนหนึ่งต้องใช้ประมาณ 350,000-380,000 ขึ้นอยู่กับผู้มีสิทธิ์มาลงคะแนนเลือกตั้งมากหรือน้อย ตัวผมเองชอบบัตร 2 ใบ แต่ถ้าชอบที่สุดคือ 2 ใบแล้วหาร 500 แต่เราก็ต้องยอมรับตามกติกา
ข้อเสียของครั้งที่แล้ว คือพรรคเล็กมีเสบียงน้อย มีเสียงน้อย ส่งผู้สมัครไม่ไหว เพราะ 1 ใบเลือก 3 อย่าง คือ นายกฯ, ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ส.ส.เขต แต่รอบนี้ดีตรงที่ว่าคนละใบคนละเบอร์ เวลา ส.ส. เขต 3 หมื่นคะแนนก็ชนะกันแล้ว แต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องคะแนนประมาณ 360,000 ฉะนั้นต่อไปเวลา ส.ส.เขตลงหาเสียงก็คงหาให้ตัวเอง เพราะคนละเบอร์กับพรรค ถ้ามองอีกมุมพรรคเล็กจะประหยัดเงิน
นพ.ระวี เผยต่อว่า เมื่อปี 2562 มีคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน แต่เป็นบัตรดีประมาณ 36 ล้าน เมื่อถัดมาแล้วอีก 4 ปี คิดว่าคนที่มาเลือกตั้งประมาณ 40 ล้านคน แต่บัตรดีน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 37-38 ล้าน ดังนั้น 1 ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องใช้คะแนนประมาณ 370,000 - 380,000 แต่เวลาเลือกตั้งจริง คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มันจะมีพรรคเล็กที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ แต่เวลาคำนวณใน 100 คน เขาเอาคะแนนทุกพรรคมาคิด ดังนั้นเวลาคำนวณคะแนนเต็มของ ส.ส.พรรคใหญ่ มันจะได้ไม่ครบ 100 จะเหลือเศษประมาณ 5 คนสุดท้าย เอาจุดทศนิยมของพรรคเล็กและใหญ่มารวมกัน คิดว่าจากการประเมินตรงนี้ พรรคเล็กที่มีเสียงเดียวน่าจะไม่เกิน 5 พรรค
การเลือกตั้งปี 2566
มงคลกิตติ์ เผยต่อว่า จะสู้ต่อ อาจจะส่งเขตไม่เยอะมาก ประมาณ 20 เขต เน้นเรื่องนโยบาย 4 ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรบ้าง เน้นขายนโยบาย ขายสมอง ไม่ซื้อเสียง
ขณะที่ นพ.ระวี เผยต่อว่า สมัยหน้าที่เราสู้ อันแรกคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ส.ส.เขต พรรคพลังธรรมใหม่ ก็จะเลือก ส.ส.เขต เฉพาะคนที่มีความพร้อม แล้วแต่สุดท้ายว่าเราจะได้กี่คน แต่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เราสามารถหาแกนนำมาช่วยหาเสียงได้ทั่วประเทศ
สำหรับแนวทางจากนี้ของพรรคพลังธรรมใหม่ คือ 1. สู้เองพรรคเดียว 2. ควบรวมกับพรรคอื่นที่อุดมการณ์เดียวกันอย่างถูกกฎหมาย แต่ถ้าควบรวมไม่ประสบความสำเร็จ อีกข้อที่พรรคคุยกันคือ ไม่ยุบพรรคแน่นอน แต่ถ้ามีพรรคใหญ่มาเสนอชวน อาจจะไปร่วม แต่เราจะไม่เหมือนพรรคอื่นที่พอไปรวมแล้วเงียบหายไป แต่เราจะไปอยู่แบบช่วยกำหนดนโยบายหลัก
วิเคราะห์การเมือง หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
นพ.ระวี เผยว่า สิ่งแรกที่คาดการณ์หลังเป็นระบบหาร 100 คือ พรรคเพื่อไทย คะแนนน่าจะเป็นอันดับ 1 คะแนนน่าจะอยู่ที่ 200 บวกลบ ถ้าเขาไม่ประสบผลสำเร็จก็อาจจะได้ที่ 180-190 อันนี้เขตรวมปาร์ตี้ลิสต์ทั้ง 2 ระบบ แล้วก็ทิ้งอันดับ 2 ขาดลอย
ขณะที่ มงคลกิตติ์ มองว่า ลุงตู่จะไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1 อาจจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่ห้ามเอานิรโทษกรรมทักษิณกลับบ้าน เพราะถ้าทำแบบนั้น ต.ค. ก็จะโดนยึดอำนาจ ก็ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ผมก็ไปรวมกับพรรคเพื่อไทย แต่ต้องมีข้อแม้คือ ห้ามนิรโทษกรรมเอาทักษิณกลับบ้าน
อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.