กลายเป็นเรื่องชินชาของสภาฯอันทรงเกียรติ สภาฯล่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ล่าสุดการโหวตร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นล่มไม่เป็นท่า ค้างอยู่ในสภาฯ 4 สัปดาห์ติด

จุดเริ่มต้นจากการที่ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตลงมติบางมาตรา แต่ดันขอโหวตใหม่ อ้างเข้าใจคำถามผิด แต่ฝ่ายค้านไม่ยินยอม ชวนทะเลาะกันเละเทะ เป็นต้นเหตุสภาฯล่มติดๆกัน

ไม่มีการจับเข่าหารือ คิดแก้ปัญหาอย่างจริงจัง แต่ฉวยโอกาสลากเป็นเกมการเมือง เอาไว้ด้อยค่าการทำงานฝ่ายตรงข้าม การพิจารณากฎหมายไม่เดินหน้า ส.ส.ไม่คิดทำหน้าที่ประชุมสภาฯ จ้องหักเหลี่ยมเฉือนคมทางการเมือง

ฝ่ายรัฐบาล–ฝ่ายค้านพากันหูทวนลม เมินเฉยต่อความรับผิดชอบการทำหน้าที่ตัวแทนประชาชน ร่างกฎหมายหลายฉบับค้างคาเป็นดินพอกหางหมู เพื่อเล่นเกมการเมือง

ไม่ต่างจากการปรับ ครม.เที่ยวล่าสุดที่ตอบโจทย์ผลประโยชน์การเมืองแค่เรื่องเดียว

เป็น ครม. “คนละครึ่ง” แบ่งโควตาระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

...

จัดโผลงล็อกวินๆทั้งคู่ ไม่มีใครได้กินรวบ ยึดสูตรยืดหยุ่น ไม่สร้างรอยร้าวก่อนเลือกตั้ง

บ่งบอกสัมพันธภาพ 2 ป. แยกพรรคแค่เกมแตกหน่อ แต่ยังกอดคอทำงานร่วมกันได้ ถึงจะแตกคอกันไปบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นแตกหัก ยังพอเจรจาความกันได้อยู่

“บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม” เร่งเคลียร์ใจช่วงปลายเทอมรัฐบาล พร้อมแยกทางสร้างดาวคนละดวงลงสนาม ภายหลังกฎหมายลูกฉบับสำคัญ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ฝ่าด่านศาลรัฐธรรมนูญสำเร็จ

ได้คำตอบสุดท้าย กติกาเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ หาร 100

กติกาชัด ปรับ ครม.เสร็จ การเมืองเดินหน้าเต็มสูบ ใกล้เวลานับถอยหลังสู่สนามเลือกตั้ง

อิทธิฤทธิ์สูตรหาร 100 นับแต้มปาร์ตี้ลิสต์ มีแนวโน้มทำพรรคการเมืองในสภาฯเหลือต่ำกว่าสิบ พรรคเล็กกำลังกลายเป็นศพ ต้องดิ้นหนีตาย วิ่งรอกจ้าละหวั่นควบรวมพรรคให้มีที่ยืนหลังเลือกตั้ง เช่นเดียวกับพรรคน้องใหม่หลายค่ายก็ส่อยุบรวมเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ส.ส.ปริมาณมากพอไว้ต่อรองทางการเมือง

สถานการณ์ต่างกันลิบลับกับพรรคเพื่อไทยที่มีโอกาสชนะเลือกตั้งท่วมท้นได้ ส.ส.นำโด่ง ทิ้งห่างอันดับ 2 ขาดลอย ประตูแลนด์สไลด์เปิดกว้าง

หุ้นเพื่อไทยพุ่งพรวดในตลาดการเมือง ทุกอย่างเป็นใจ ลุยเปิดหน้าผู้สมัคร ส.ส.คึกคัก

บีบทีม “ลุงตู่” เร่งเครื่องเปิดปฏิบัติการตกปลาจากทุกบ่อ ระดมดูด ส.ส.เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติให้มากที่สุด ไม่เว้นแม้กระทั่งบ่อพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม”

เดินเกมขุดบ่อล่อปลา ตบโบนัสให้คนที่อยู่เคียงข้างได้เป็นใหญ่เป็นโต ตามตัวอย่างที่เห็นในการปรับ ครม. ส.ส.ป้ายแดง ธนกร วังบุญคงชนะ ที่เพิ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่กี่เดือน แต่มาติดสอยห้อยตาม “บิ๊กตู่” ทุกฝีก้าว จับพลัดจับผลู ได้ขึ้นลิฟต์เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ล่อตาล่อใจ ส.ส.พลังประชารัฐที่ยังลังเลและกลุ่มบ้านใหญ่ที่ยังสงวนท่าที รีบย้ายเข้าสังกัดใหม่

“ลุงป้อม” หัวหมุนต้องไล่เช็กขุมกำลัง แก้เกม ดูดไปดูดกลับ

“พี่ใหญ่–น้องเล็ก” ชักเย่อสู้กันสนุก วัดพลังกันเป็นระยะๆ ต้องรอลุ้นผลคะแนนหลังปิดหีบเลือกตั้ง จะเป็นใจให้ “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” จัดตั้งรัฐบาลได้กลมกลืนกันแค่ไหน

ตามแนวโน้มที่ 2 พรรคจะกอดคอเป็นพรรคพี่พรรคน้องกันได้ เพราะส่วนใหญ่มีที่มาเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน

มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะกลับมาทำงานร่วมกันอีก ตามสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่เป็นใจ บีบ “พลังประชารัฐ” ต้องร่วมหอลงโรงกับ “รวมไทยสร้างชาติ” ในอนาคต

ห้ามแยกตัวไปร่วมดีลพิเศษจับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล

“บิ๊กป้อม” เสียท่า ตกที่นั่งลำบาก หลัง ส.ส.หลายคนมีทีท่าแยกไปตั้งรกรากใหม่ เพราะหวาดผวาค่ายพลังประชารัฐจะโดนลูกหลงจากคดีเงินบริจาคทุนจีนสีเทาที่อยู่ในชั้น กกต.

กำลังถูกปั่นกระแสนำมาสร้างเงื่อนไขการยุบพรรค

เคลียร์กันไม่ลงตัว ก็ไม่รู้พลังประชารัฐจะหายจากสารบบการเมืองหรือไม่.

ทีมข่าวการเมือง