รถผ้าป่านักเลือกตั้งไม่คว่ำ ยังคงวิ่งฉลุย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0

ว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 25 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และมาตรา 94

และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2

วินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และมาตรา 94

ก็เป็นอันว่าการแก้ไขกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ใช้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ด้วยสูตรหาร 100 ไม่ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ

สรุปคือการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นคราวหน้า พี่น้องประชาชนคนไทย จะได้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ หาร 100 ที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 40

ขั้นตอนหลังจากนี้ก็จะเป็นกระบวนการนำร่างฯขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ตามขั้นตอนต่อไป

คาดการณ์ว่าระยะเวลาที่ร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ฉบับใหม่ จะประกาศใช้คงราวๆเดือน มี.ค.2566

ไล่เลียงเวลาแล้วใกล้เคียงกับอายุขัยของรัฐบาลและสภาชุดนี้

เราพอเห็นเค้าลางของกติกาการเลือกตั้งใหม่กันแล้ว ซึ่งเอื้อให้กับพรรคใหญ่ได้กวาด ส.ส.เข้าสภาเป็นกอบเป็นกำ

ขณะที่พรรคเล็กพรรคน้อยที่เคยได้ใบบุญจากสูตรหาร 500 มีโอกาส “สูญพันธุ์” สูง

พรรคเอสเอ็มอีเหล่านี้ก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกันต่อไป ด้วยการยุบรวมพรรค

หรือต้องทิ้งพรรคเก่าไปอาศัยร่มไม้ชายคาพรรคใหญ่

หลังจากนี้แต่ละพรรคจะทยอยเปิดตัวผู้สมัครแบบเขต โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ถนัดกับเกมเลือกตั้งนี้ที่สุด

...

ส่วนอีกขั้วคือ พรรค “สายเขียว” ภูมิใจไทย ที่ถูกตีตราว่าเป็นอีกหนึ่ง “พรรคคู่อาฆาตนายใหญ่” คงต้องเร่งปิดจ๊อบบ้านใหญ่อีกหลายหลังที่คุยๆกันอยู่

ขณะที่ รวมไทยสร้างชาติ นั่งร้านใหม่ “ลุงตู่” ก็คงต้องรีบประกอบร่างให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว จะดึงจะดูดปลาในบ่อพี่ หรือบ่อเพื่อน ก็ต้องรีบทำแล้ว เพราะห้วงเวลาที่เหลือมันไม่คอยใคร

คงมี ส.ส.จากพลังประชารัฐ หรือในประชาธิปัตย์ ที่ยังกระมิด กระเมี้ยน หลบๆซ่อนๆ ทยอยเปิดหน้าเลือกข้าง

สำหรับพรรคที่จะกลายเป็นตัวแปรสมการการเมืองที่สำคัญ ได้แก่ พลังประชารัฐ, ก้าวไกล, ประชาธิปัตย์ และพรรคที่เหลือ ก็คงต้องรีบเช็กชื่อจัดแถวกันให้ลงตัว

แต่ที่แน่ๆกับบทบาทที่เปลี่ยนไปของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันนี้ต้องมายืนอยู่บนขาตัวเอง เลิกพึ่งพา “นั่งร้านพี่ใหญ่” ก็โชว์ให้เห็นแล้ว

พร้อมจะปูนบำเหน็จคนที่สู้ถวายหัวให้ตัวเอง แบบการเมืองเก่าๆเขาทำกัน

หลังดองเค็มชื่อ “นริศ ขำนุรักษ์” โควตาประชาธิปัตย์มานาน บทจะเซ็นก็ตั้งทีเดียว 3 เก้าอี้รวด

นอกจากชื่อ “นริศ” ขึ้นเป็น รมช.มหาดไทยแล้ว ยังเกี้ยเซียะ “พี่ใหญ่” ก่อนแยกวง ตั้ง “สุนทร ปานแสงทอง” เด็กบ้านใหญ่ปากน้ำ เป็น รมช.เกษตรฯ

และตั้งให้ “ธนกร วังบุญคงชนะ” อดีตโทรโข่งรัฐบาล ที่สู้ถวายหัวให้นายกฯตู่ นั่ง รมต.สำนักนายกฯ

ว่าอะไรใครไว้ “ลุง” เอาเข้าตัวเองหมด.

เพลิงสุริยะ