• 250 ส.ว.คือ กำแพง เคลียร์กับ ส.ว.ได้ไหม ถ้าพรรคเพื่อไทยเคลียร์ได้ โอกาสที่จะมาเป็นรัฐบาลก็เป็นไปได้
  • "ธรรมนัส" นำ ส.ส.หวนกลับ กระทบคนพปชร.หนี - "บิ๊กป้อม" ไม่กล้ารับ ขณะการเมืองยังอยู่ในช่วงต่อรอง
  • พรรคเพื่อไทย โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลเลือกตั้งครั้งหน้า ดีกว่า พรรค พปชร.จริงหรือไม่? แต่การเมืองอะไรที่ว่าแน่ เอาเข้าจริงก็อาจไม่เป็นไปอย่างที่คิด 



การเมืองไทย สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นสนใจพี่น้องประชาชน คือความเคลื่อนไหวพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีออกมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พูดกับสื่อมวลชน "ถึงเวลาจะพูดเอง" กรณีย้ายไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่  

...

ถึงขนาดมีรายงานข่าวมาเป็นระยะ ให้จับตา “บิ๊กตู่” เตรียมนั่งประธานที่ปรึกษา (รทสช.) ขณะ "สุชาติ ชมกลิ่น" และ "ธนกร วังบุญคงชนะ" เข้าหารือกับนายกฯ ว่า มี ส.ส.อยู่ที่คน รวมทั้ง พามุ้ง ส.ส.สงขลา ดอดพบ "บิ๊กตู่" อีกด้วย  ขณะที่นายกฯ เอง ขอบคุณที่มาด้วยกัน ช่วยกันทำงานให้ชาติบ้านเมือง โดยคาดการณ์ ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะนั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับที่ 1 ของพรรค รวมไทยสร้างชาติด้วย 

ส่วนอีกพรรค น่าสนใจไม่แพ้กัน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่คุมบังเหียนโดย "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวก่อนหน้า "บิ๊กตู่" กับ "บิ๊กป้อม" ความเห็นไม่ตรง แตกกัน จนเป็นที่มา นายกฯ เตรียมจะไปอยู่พรรคใหม่ 

ขณะที่อีกกระแส บอกเป็นแผน "แยกกันเดิน ร่วมกันตี" แล้วมารวมกัน ช่างคลับคล้ายคลับคลา ยุทธการของ "นายห้างดูไบ" ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยใช้ จนมีประโยคติดหู คอการเมืองช่วงนั้น ยุทธการ "แตกแบงก์พัน" 

ยิ่งเมื่อมีข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะนำพลพรรค 13 ส.ส.กลับเข้าสู่อ้อมกอดของ พรรคพลังประชารัฐ อีกครั้ง ก็มีปฏิกิริยา จากมุ้งต่างๆ ภายในพรรคพปชร.ทันที ว่าอาจตัดสินใจลาออก ส่วนหนึ่งตามไปอยู่กับบิ๊กตู่ อีกส่วน กลับไปพรรคเก่าอย่าง เพื่อไทย 

งานนี้ ความจริงเป็นยังไงแน่ 3 ทหารเฒ่า จะเดินเกมการเมืองอย่างไรต่อ นับจากนี้ ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง อำนาจ 3 ป.แตกกันจริงหรือไม่ ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ เรามีคำตอบ 

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กับ รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย มาไขข้อข้องใจ ตรงนี้ 

"ธรรมนัส" ยก 13 ส.ส.กลับ พปชร.ปฏิกิริยาเร่งกลุ่มอื่นในพรรคตัดสินใจย้ายออก 

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ ด้านหนึ่ง คือ กลุ่มที่ออกไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามพรรค "รวมไทยสร้างชาติ" อีกกลุ่ม คือ ส่วนที่อยู่กับ พล.อ.ประวิตร พรรคพลังประชารัฐ แต่คราวนี้อาจจะมีบ้าง ที่ย้ายกลับไปอยู่พรรคที่ตัวเองเคยอยู่ เช่น บางส่วนย้ายกลับไป พรรคเพื่อไทย หรือ อาจย้ายไปอยู่พรรคต่างๆ เช่น สร้างอนาคตไทย เป็นต้น

ฉะนั้น อนาคตของพรรคพลังประชารัฐ ถึงไม่มี "คุณธรรมนัส" เข้ามา ยังไงก็แตกออกไปอยู่หลายๆ กลุ่ม อยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งคุณธรรมนัสเข้ามา ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา บรรดากลุ่มการเมือง ที่อยู่ฝั่ง พล.ประยุทธ์ ไปกันไม่ได้กับคุณธรรมนัส เลยตัดสินใจออกไปมากขึ้น

มองไป อนาคต ของพปชร.จะยิ่งยาก เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าแล้ว ใช่หรือไม่ 

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวอีกว่า ก็ไม่แน่ กติกาของรัฐบาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดไว้ ว่า พรรคการเมืองต้องได้คะแนนมากสุดเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล อย่างเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนมากสุดแต่ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ สุดท้ายก็เป็น "พลังประชารัฐ" ตั้งรัฐบาล 

ฉะนั้นสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ว่า เป็นพรรคคะแนนอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลได้ แต่มันขึ้นอยู่ สามารถเคลียร์กับ 250 ส.ว.ซึ่งเป็นกำแพงสำคัญตามบทเฉพาะกาลได้ไหม ถ้าเคลียร์กับ 250 ส.ว.ได้ โอกาสตั้งรัฐบาลเป็นไปได้สูง เพราะถึงไม่ใช่พรรคได้อันดับ 1 แต่ถ้า ส.ว.สนับสนุน เดี๋ยวพรรคอื่นก็วิ่งเขามาเอง ฉะนั้นตรงนี้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า พปชร.แตกออกเป็นหลายพรรค มีขนาดเล็กลง จะไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่มันขึ้นอยู่ที่สถานการณ์ทางการเมือง 

ชี้ พปชร.แตก 2 กลุ่ม ก็หนักนะ คาด เลือกตั้งหน้าได้เหลือ 50 ส.ส. แต่ ปชป.หนักกว่า 

รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวต่อว่า พปชร.เลือกตั้งหน้าได้สัก 50 ส.ส. พอเป็นไปได้ ถ้า ปชป.ยอมรับว่า หนักกว่าเลย อาจต่ำกว่า 30 ส.ส.เป็นไปได้ ตอนนี้ ปชป.มี 50 กว่าที่นั่ง แต่มีข่าว จะย้ายออกกันเยอะ ร่วม 20 กว่าคน คิดเป็นสัดส่วนก็ 20% ของพรรคแล้ว ก็น่าตกใจเหมือนกัน

"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" อำนาจ 3 ป.แตกหักกัน จริงหรือ?

อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มสธ. กล่าวว่า ผมว่า ในตัว 3 ป.ไม่น่าแตกกันหรอก ถ้าแตกกันจริง นั่นหมายถึงจุดจบอำนาจ คสช. วันนี้ 3 ป.ด้วยยุทธศาสตร์การเมืองก็ดี ด้วยความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่มีกันมาอย่างยาวนาน ผมว่า เขาไม่แตกกันหรอก แต่เห็นไม่ตรงกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องทีม เราก็เห็นมีการแบ่งเป็น 2 ทีมใหญ่ๆ "ลุงตู่" กับ "ลุงป้อม" ทีมเหล่านี้ คือ สิ่งที่จะทำให้เดินต่อไปกันไม่ได้ แต่ตัว 3 ป.เอง หรือแม้แต่ 2 ป. พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ผมว่า ไม่มีอะไรทำให้แตกหัก

มอง พรรคเพื่อไทย โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลเลือกตั้งครั้งหน้า ดีกว่า พปชร.?

"ผมยังคิดว่า 50-50 อยู่นะตอนนี้ เพราะประการแรก ด่าน ส.ว. 250 เพื่อไทยเคลียร์ได้ไหม ถ้าเพื่อไทยเคลียร์ได้ โอกาสที่จะมาเป็นรัฐบาลก็เป็นไปได้ ต่อให้เพื่อไทยได้แลนด์สไลด์ 250 ที่นั่งจริง ก็ยังต้องการ 126 ที่นั่ง มันต้องใช้เสียง 376 ขึ้นไป จาก 750 หรือแม้แต่บรรดา ส.ส.รวมตัวกันให้ได้ 376 เลย ไม่ต้องพึ่ง 250 ส.ว. อันนั้นเป็นสิ่งที่ดีและอยู่ในอุดมคติด้วย แต่ในความเป็นจริง เป็นไปได้ยากมาก มันอาจไม่ได้เลย เพราะ ส.ส.มาจากหลากหลาย ทั้งอุดมการณ์ ทั้งการเมือง จะให้มีเอกภาพเป็นแบบ ส.ว. ผมว่ายาก ขณะ ส.ว. 250 คน เห็นได้เวลาโหวตเขาไปในทิศทางเดียวกันหมด ซ้ายหัน ขวาหัน น้อยคนมากที่แตกออกมา ฉะนั้นโอกาสที่ พรรคเพื่อไทย บอกว่า แลนด์สไลด์แล้วตั้งรัฐบาลได้ ยังไงก็ต้องเคลียร์กับ ส.ว. 250 คน อยู่ดี" รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว...

ชี้ "บิ๊กตู่" ยังได้เปรียบ หากเป็น แคนดิเดตนายกฯ รทสช.จริง แถมมี 250 ส.ว.รอท่า  

รศ.ดร.ยุทธพร ชี้ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ขออย่างเดียวเท่านั้น รวมไทยสร้างชาติ ขอให้ส.ส.เกิน 25 ที่นั่ง คือ 5 เปอร์เซ็นต์ มันก็สามารถเสนอแคนดิเดตนายกฯ ได้ 25 ที่นั่งมันไม่ยาก มันขึ้นอยู่ที่ความเป็นแม่เหล็กของแคนดิเดตฯ รวมไทยสร้างชาติ ก็มีมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัวเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จริง รับรองว่า จะเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูด ส.ส.มาจากพรรคต่างๆ โดยเฉพา พปชร.-ปชป. แล้วก็เกิน 25 ที่นั่ง ไม่ยาก หรือ แม้แต่ตัวพล.อ.ประยุทธ์เอง ซึ่งวันนี้โพลสำรวจอาจจะบอกว่า เราเห็น พล.อ.ประยุธ์ คะแนนนิยมไม่ค่อยดี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเยอะ แต่ในบางพื้นที่ เช่น ภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นชื่อที่ขายได้ ฉะนั้น 25 ที่นั่ง ผมว่าไม่ใช่จุดที่น่ากังวล เพราะ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีความได้เปรียบ คือเรายังไม่เห็นตัวเลขแต่ละพรรค ว่าได้เท่าไร แต่ที่แน่ๆ คือ เราเห็น ส.ว. 250 คน มานั่งรออยู่แล้ว 1 พรรค

หากแคนดิเดตนายกฯ โดดเด่น เดี๋ยวก็มีแม่เหล็กดึงดูดเอง ไม่ต้องกังวลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย  

"ไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงตรงนั้น ถ้าแคนดิเตดนายกฯ คนไหนถูกจับชูขึ้นมา แล้วมีความโดดเด่น เดี๋ยวจะมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมรัฐบาลเอง อันนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ก็แน่นอน โควตารัฐมนตรีอะไรต่างๆ อาจจะเสียเปรียบ ทำให้พรรคขนาดกลางที่มาร่วม ได้เก้าอี้ดีๆ ไป อะไรไป ยังไงผมว่ามันก็เป็นแม่เหล็กที่จะดึงมานั้นเองครับ" รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวทิ้งท้าย 

รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย
รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย

"ธรรมนัส" หวนกลับกระทบ คนพปชร.หนี "บิ๊กป้อม" ไม่กล้ารับ การเมืองอยู่ในช่วงต่อรอง 

รศ.สุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย กล่าวว่า รู้สึก "บิ๊กป้อม" พูดยังไม่กล้ารับ คือ มันมีผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ด้วย เพราะยังมีคดีอยู่ แต่ถ้าเป็นลูกพรรคก็คงรับ แต่ก็ไม่รู้ว่า ลูกพรรคจะตกลงกับคุณธรรมนัสได้ไหม เพราะเราก็ไม่รู้ว่าความแนบแน่น ระหว่างคุณธรรมนัสกับลูกพรรค มันขนาดไหน คือ การเมืองยังต่อรองไม่ลงตัวหรอก แต่ละคนก็ยังกังวลทำอย่างไรจะได้ไปนั่งในสภาชุดหน้า มันอยู่ในช่วงการต่อรอง

มองอนาคต พปชร.แตก 2 กลุ่ม โอกาสกลับเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลครั้งหน้า ยากมากหรือไม่?

รศ.สุขุม กล่าวว่า ดูตามการเมืองปกติ มันก็ไม่มีโอกาส เพราะมันต้องเป็นพรรคได้คะแนนไม่อันดับ 1 ก็อันดับ 2 แต่หนนี้ถ้ามันเป็น "แยกกันเดิน ร่วมกันตี" ทางฝ่ายที่มีอำนาจขณะนี้ เขาอาจบอกแยกเป็น 2 พรรค แต่ถึงเวลาจริงตรงนั้นเขาจะรวมกัน คราวนี้สภาพการเมืองปกติมันรับไม่ได้หรอกแบบนั้น มันก็ต้องเรียงบอกเลยพรรคที่ 1 พรรคอะไร พรรคที่ 2 พรรคอะไร ซึ่งถ้ามองตามรูปการณ์แล้ว ถ้าเกิดแยกกันมันอาจไม่ได้ที่ 2 แต่ถ้ารวมกันแล้วมีสิทธิ์ขึ้นที่ 2 ที่ 3 แต่มันไม่มีความชอบธรรมในภาพที่ขึ้น เพราะว่า ไม่ใช่พรรคที่ 1 พรรคที่ 2

พปชร.-รทสช.แม้ตั้งรัฐบาลได้ เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วพรรคร่วมฯ จะไม่บีบ นายกฯ หรือ 

รศ.สุขุม กล่าวต่อว่า เขาจะใช้แนวนั้นล่ะผมว่า คือ ขอให้ได้ 250 ส.ว.มาหนุนให้เป็นรัฐบาลให้ได้ซะก่อนรอบแรก แล้วมันก็จะดึงดูดเอง แต่ก็ต้องยอมรับ การต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลก็จะมีมากกว่าพรรคแกนนำ อย่างที่เราเคยเห็น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกฯ แต่กระทรวงเด็ดๆ ไปอยู่ที่พรรคอื่นหมด

เชื่อ 2 ป.ไม่ได้แตกหักกัน แต่ลูกน้องอยากได้ "บิ๊กป้อม" ไปต่อรองแทนพวกเขา เพราะบิ๊กตู่ต่อรองไม่ได้  

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองไทย กล่าวอีกว่า "บิ๊กตู่" ผมว่าเขาเล่นการเมืองคิดว่า กำหนดได้ เขาเป็นคนกำหนด แล้วก็ต้องช่วยกันให้เป็นตามที่เขากำหนดไว้ คือ ความเชื่อของผู้คน 2 คน (บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม) "เขาอาจจะแยกกันเดิน แต่ใจเขามันอยู่ด้วยกัน" แต่วันนี้มีปัญหาเรื่องลูกน้องเขานะ เพราะ "บิ๊กตู่" เขาไม่ค่อยแคร์ ส.ส. ฉะนั้น ส.ส.ก็หวังจะใช้ "บิ๊กป้อม" เป็นตัวต่อรอง เพื่อที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะต่อรองกับ "บิ๊กตู่" ไม่ได้ ฉะนั้นถ้าเลือกตั้งมาแล้ว "บิ๊กป้อม" ได้เป็นล่ำเป็นสัน ถึงตัว พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นนายกฯ แต่เขาจะเป็นตัวแทน ส.ส.ของเขาได้ นี่เป็นความเชื่อพวกส.ส.นะ

"เขาไม่ได้แตกกันจริง ชนิดอยู่กันคนละขั้วไม่เอากันเลย คงไม่ไปอย่างนั้น เพราะเขาก็พูดย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาตลอด แต่วันนี้เขาอาจคิดคนละข้างกับเรานะ คือเราคิดว่า วันนี้ 2 ข้างรวมกันเป็นเอกภาพยังเหนื่อยเลย แยกกันไม่รู้ไปเท่าไร เลย เขาอาจคิดว่าวิธีการเดิมเขาสู้ไม่ได้ งั้นลองคิดวิธีใหม่" รศ.สุขุม กล่าว...

มองดู พปชร.กับ เพื่อไทย เลือกตั้งใหญ่คิดว่าใครจะเข้าวิน 

"ถ้าไม่มี 250 ส.ว.นะ พลังประชารัฐ ไม่ต้องพูดกันเลยว่าจะมีโอกาสกลับมา หรือกลุ่มบิ๊กตู่มีโอกาสกลับมา แต่พอมี 250 ส.ว. แล้ว มันเหมือนวิ่ง 100 เมตร ต่อให้เขานะ เขาได้รับ 50 เมตร ก่อน" สุขุม กล่าวทิ้งท้าย... 

งานนี้ สรุป 2 กูรู การเมือง เห็นเหมือน หรือคล้ายกันในหลายเรื่อง อาทิ 250 ส.ว.ทำให้ "บิ๊กตู่" ได้เปรียบ หรือ พี่น้อง 2 ป. "ป้อม-ตู่" ไม่ได้แตกกันจริงๆ และกรณี "ธรรมนัส" ที่ยกพวกกลับเข้า พปชร.

ต้องรอดูต่อ การเมืองทุกสายที่ขยับ ทุกอย่างก็เพื่อแต่งตัว เตรียมพร้อม เพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุด มุ่งสู่การเลือกตั้งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566.

 

ผู้เขียน : เดชจิวยี่ 

กราฟิก:Theerapong Chaiyatep